“จักรภพ” ไม่กลัวทัวร์ลง หลังร่วมงาน TOPNEWS ลั่น ถึงเวลาประกอบประเทศไทยด้วยหลายขั้วหลายฝ่าย ให้อยู่ร่วมกันได้
เผยแพร่ : 30 พ.ย. 2567 09:48:14
• รายการออกอากาศทางสำนักข่าวท็อปนิวส์ ทุกวันเสาร์และอาทิตย์
• ดำเนินรายการร่วมกับ นายสำราญ รอดเพชร และ นายอุดร แสงอรุณ
• ข่าวกลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางอย่างรวดเร็ว
กลายเป็น Talk of the town ชั่วข้ามคืน เมื่อปรากฏชื่อ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายก มาจัดรายการชื่อ “TOP HEADLINE” ร่วมกับ นายสำราญ รอดเพชร และ นายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.05-16.05 น. เริ่ม วันที่ 7 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไปตามผังรายการใหม่ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่แฟนคลับของสองขั้วการเมือง
ด้านนายจักรภพ กล่าวยอมรับว่า เป็นเรื่องจริงที่ทางท็อปนิวส์เชิญตนมาหารือพูดคุย ซึ่งตนก็ได้ถามไปว่า ฐานคนดูท็อปนิวส์จะยอมรับจักรภพเหรอ เพราะอยู่กันคนละขั้วการเมือง ซึ่งทางท็อปนิวส์ให้เหตผลว่าต้องผสมผสานสองขั้วเข้าด้วยกัน ตนจึงตอบตกลงเพราะคิดเหมือนกัน และรายการที่ไปทำ ก็เป็นการเจาะลึก วิเคราะห์วิจารณ์เรื่องต่างประเทศล้วน ๆ ไม่มีเรื่องการเมืองไทย
นายจักรภพ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเชื่อมั่นในการสื่อสารที่เราหวังให้เกิดความครอบคลุมไปสู่กลุ่มต่าง ๆ ได้ครบ เพราะทุกวันนี้ คนในสังคมต่างคนต่างสื่อสารในกลุ่มตัวเอง ใครอยู่ในกลุ่มไหน ก็เลือกฟัง เลือกอ่าน เลือกเสพเฉพาะกลุ่มนั้น เป็นเวลาเกือบ 20 ปี พอนานไปก็กลายเป็นคิดอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากคิดแต่ในแนวทางที่ตัวเองเชื่ออย่างเดียว คนคิดต่างผิด ซึ่งมันจะเป็นผลร้ายต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว หากคนไทยยังถูกกรอบอคติครอบเอาไว้ ให้คิดได้แค่นี้ ห้ามคิดไปทางซ้าย ห้ามคิดไปทางขวา คิดเฉพาะกรอบตัวเอง ผู้ที่เสียหายไม่ใช่ใครก็คือประเทศชาติของเรา
“ผมเห็นเป็นโอกาสที่ดี ที่เราอาจจะพูดเข้าไปในกลุ่มที่เขาอาจไม่อยากฟังเรื่องอื่น ๆ ยกเว้นสิ่งที่เขาฟังมา โดยขยายตลาดเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่ไม่เคยสนใจ และไม่เคยฟัง หรือ ฟังด้วยความไม่ไว้ใจ ซึ่งไม่ว่าจะแบบไหนก็มีประโยชน์ทั้งนั้น เพราะผมตั้งใจจะนำข้อมูลความจริงในโลกปัจจุบัน ไปผสมผสานกับปัญหาที่ประเทศไทยเราเผชิญอยู่ พูดง่าย ๆ ที่เราจะตั้งคำถามหลักทุกครั้งคือ มันคุ้มไหมที่เราจะขัดแย้งกันในโลกที่เราต้องปรับตัวขนาดนี้เพื่อให้ประเทศไทยอยู่รอด” อดีตรมต.ประจำสำนักนายก กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า การตัดสินใจครั้งนี้กลัวทัวร์ลงหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ถ้าเราไม่เสี่ยงที่จะทำอะไรใหม่ มันก็จะไม่เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมา ในยุคนี้ทัวร์ลงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ประเด็นคือทัวร์เหล่านั้น ได้ฟังเราบ้างหรือเปล่า หรือแค่หลับหูหลับตาด่า ถ้าเป็นคอมเมนท์แบบนี้เราไม่จำเป็นต้องไปตอบ แต่ถ้าในความเห็นคัดค้านไม่เห็นด้วย แต่มันมีคุณค่าด้วยเหตุผล ตนก็จะตอบ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ามันไม่ใช่ความผิดใครจะชอบหรือไม่ชอบสื่อไหน แต่บ้านเมืองมันพาคนแยกออกจากกัน และไม่มีใครเป็นกาวใจมาอย่างน้อยใน 20 ปี ที่ผ่านมา มันก็เลยเป็นการแบ่งแยก ตนไม่ใช่คนวิเศษอะไร ก็อาจจะบอกว่าทัวร์ลงไม่เป็นไร แต่ขอให้หลังจากทัวร์ แล้วมันมีฟ้าหลังฝน เปิดใจรับฟังกันบ้าง
นอกจากนี้ นายจักรภพ ไม่รู้สึกกังวลว่ามวลชนที่เป็นแฟนคลับของตนจะถอดใจ โดยให้เหตุผลว่า คนเรามีภาวะจิตใจที่ต้องการเวลาในการปรับตัว เมื่อเราขีดเส้นไป หลักการคืออยากเห็นประเทศไทยรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสีไหน ขั้วไหน พวกไหน ก็ตาม มันมีทางไหมที่จะมาประกอบกันใหม่เป็นประเทศไทย ที่มีหลายขั้วหลายฝ่าย ที่อยู่ด้วยกันได้ หลังจากนั้น การทำใจของแต่ละคนจะค่อย ๆ เริ่มปรับตัวมาได้ ประเทศไทยไม่ได้ปรับตัวเฉพาะตอนนี้ แต่มีการปรับตัวมาตั้งแต่ยุคคอมมิวนิสต์ที่มีการแบ่งแยกคนในประเทศออกเป็น 2 ฝ่าย ต้องใช้เวลา 20-30 ปี ในการปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ สิ่งสำคัญคือประเทศไทยมีพลังอำนาจทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่ จะพาประเทศไทยไปสู่การพัฒนา และแข่งขันกับโลกได้ สิ่งที่อยากทำในตอนนี้คือ ใช้เวลาทุกนาทีให้เป็นประโยชน์สูงสุดของสังคมไทย หาจุดเชื่อมคนในชาติให้ร่วมมือกัน เราเหมือนกำลังทำวิจัยขนาดใหญ่ในสังคมไทยว่าเส้นทางเดินจากนี้จะเป็นอย่างไร
ที่มา : MgrOnline