"แมสเทค ลิ้งค์" ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 79 ล้านหุ้นเข้า SET
เผยแพร่ : 29 พ.ย. 2567 14:54:47
• เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 79 ล้านหุ้น
• วัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ (MASTEC) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 79,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุน 1.เงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมสำหรับตลาดอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม 2.เงินทุนหมุนเวียนใน Synergy products ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ป้องกันอัคคีภัย และ 3.ขยายช่องทางการตลาดเพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ 4.เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
MASTEC ประกอบธุรกิจนำเข้าและจัดหาผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมมาจำหน่าย ประกอบด้วย 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ 1) ผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล 2) ผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัยและผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย 3) ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
บริษัทยังให้คำปรึกษา นำเสนอโซลูชันและให้บริการด้านวิศวกรรม โดยทีมวิศวกรและทีมผู้เชี่ยวชาญสำหรับการให้บริการลูกค้า ตั้งแต่การทำความเข้าใจแบบวิศวกรรม ออกแบบระบบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจำหน่าย ศึกษา ตรวจสอบ ให้คำปรึกษา นำเสนอโซลูชันที่เหมาะสมทั้งด้านเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสำคัญสุด คือ ให้สอดคล้องกับงบประมาณโดยรวมของลูกค้า รวมถึงให้บริการด้านวิศวกรรม ครอบคลุมการให้บริการติดตั้ง การตรวจสอบเพื่อซ่อมแซมและบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
บริษัทนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน เยอรมนี ออสเตรเลีย สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เป็นต้น โดยเฉลี่ยประมาณ 64-68% ของยอดซื้อสินค้า ส่วนที่เหลือเป็นการจัดหาในประเทศเฉลี่ยประมาณ 32-36% ขณะที่บริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายของซัปพลายเออร์ในต่างประเทศ 24 ราย โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Distributor) 5 แบรนด์ ได้แก่ FRESE, FIVALCO, CHANGDER, FIREGUARD และ ECO-WATER/ENVIROSWIM และเป็นตัวแทนจำหน่ายทั่วไป (Non-Exclusive Distributor) 19 แบรนด์ เช่น JOHNSON-CONTROLS, VIKING, REFLEX, NIHON SPINDLE, TDT เป็นต้น และยังจัดหาผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากซัปพลายเออร์รายอื่นอีกมากกว่า 150 แบรนด์
นอกจากนี้ บริษัทมีการว่าจ้างผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท (Own Brand) ได้แก่ VALOR วาล์วที่ใช้ในระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล และ ZERO FIRE อุปกรณ์ตู้ดับเพลิง ซึ่งมีการสร้างการรับรู้แบรนด์มาตังแต่ปี 2550 และปัจจุบันบริษัทมีสำนักงานสาขา 1 แห่งที่จังหวัดภูเก็ต
ณ วันที่ 30 ก.ย.2567 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 300,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และมีทุนชำระแล้วจำนวน 221,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 221,000,000 หุ้น โครงสร้างผู้ถือหุ้น 1.นายดุษฎี มีชัย 73,666,671 หุ้น คิดเป็น 33.33% หลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 24.56% 2.นายกำธร คุณานพรัตน์ 73,666,671 หุ้น คิดเป็น 33.33% หลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 24.56% และ 3.นายร่มโพธิ์ สุวรรณิก 73,666,658 หุ้น คิดเป็น 33.33% จะลดเหลือ 24.56%
สำหรับผลประกอบการปี 2564-2566 รายได้รวมของบริษัทเท่ากับ 861.90 ล้านบาท 936.66 ล้านบาท และ 984.46 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการทยอยเริ่มงานโครงการก่อสร้าง กำไรสุทธิ (ขาดทุนสุทธิ) เท่ากับ (7.08) ล้านบาท 29.42 ล้านบาท และ 42.35 ล้านบาท คิดเปนอัตรากำไรสุทธิ (อัตราขาดทุนสุทธิ) เท่ากับ (0.82%) 3.14% และ 4.30% ส่วนหนึ่งมาจากการปรับเพิ่มราคาสินค้าตามกลไกราคาตลาดสอดรับกับต้นทุนในการนำเข้าสินค้า
ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 2567 รายได้จากการขายและบริการ 690.71 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า (9M/66 เท่ากับ 756.30 ล้านบาท) เนื่องจากต้นทุนสินค้าแบรนด์หลักสูงขึ้นทำให้ความสามารถการแข่งขันลดลง บริษัทจึงหาแบรนด์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้วเริ่มเน้นทำตลาดมากขึ้นเพื่อทดแทนยอดขายสินค้าแบรนด์หลักเดิมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่กำไรสุทธิ 24.91 ล้านบาท ลดลงตามอัตรากำไรสุทธิและอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น และกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมตราสารอนุพันธ์-สุทธิลดลง
ณ 30 ก.ย.2567 บริษัทได้รับคำสังซื้อ (Purchase Order) หรือสัญญากับลูกค้าที่ยังไม่ได้ส่งมอบสินค้าหรือให้บริการทั้งหมด 351.63 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 68 เป็นสำคัญ
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท และหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและข้อบังคับบริษัทกำหนดไว้แต่ละปี
ที่มา : MgrOnline