BAY ปรับเพิ่ม ศก.ไทยปี 68 โต 2.9% จากแรงส่งการใช้จ่ายภาครัฐ-ท่องเที่ยวฟื้น
เผยแพร่ : 29 พ.ย. 2567 12:22:09
• เติบโต 2.9%
• ปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือ การใช้จ่ายภาครัฐ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) โดยวิจัยกรุงศรี วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจไทยช่วงท้ายปี 67 และแนวโน้มปี 68 ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 67 โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเร่งขึ้นจากระดับ 3% ในไตรมาสที่ 3/67 โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายภาครัฐ การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ เช่น การแจกเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเปราะบางราว 14 ล้านคน รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน นอกจากนี้ ฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน ยังช่วยเสริมให้การเติบโตในไตรมาส 4 นี้ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
ล่าสุด วิจัยกรุงศรีจึงปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตของ GDP ในปี 67 เป็น 2.7% จากเดิมที่คาดไว้ 2.4%
สำหรับปี 68 วิจัยกรุงศรี คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตในอัตรา 2.9% เร่งขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญดังนี้
1.การใช้จ่ายภาครัฐที่เร่งขึ้น ตามการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ซึ่งขาดดุลงบประมาณสูงถึง 4.5% ของ GDP และการจัดสรรงบลงทุนสูงถึง 0.91 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.5% จากปีงบประมาณก่อนหน้า ช่วยสนับสนุนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
2.ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 ที่ 40 ล้านคนในปี 68 จาก 35.6 ล้านคนในปี 67 โดยปัจจัยหนุนมาจากแรงส่งด้านความต้องการเดินทางต่างประเทศ ความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และอานิสงส์จากมาตรการวีซ่าฟรี
3.การลงทุนโดยรวม คาดว่าจะเติบโตในระดับปานกลาง โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการเร่งลงทุนของภาครัฐ ในขณะที่การเติบโตของการลงทุนภาคเอกชน คาดว่าจะพลิกเป็นบวกเล็กน้อย ท่ามกลางปัญหาเชิงโครงสร้างในอุตสาหกรรมหลัก
4.การส่งออก มีแนวโน้มขยายตัว 2.7% ในปี 68 แม้จะชะลอลงบ้างจากปี 67 ที่คาดว่าจะเติบโต 3.9% ปี 67 ท่ามกลางการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ทรงตัว ความตึงเครียดทางการค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของภาคการผลิตในประเทศ
5.การบริโภคภาคเอกชน มีแนวโน้มเติบโตชะลอลง สู่ระดับที่ใกล้เคียงกับการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (GDP growth) ท่ามกลางแรงกดดันจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปี 67
สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 2% ในไตรมาส 1/68 เพื่อบรรเทาความตึงตัวของภาวะทางการเงิน และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 68 คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1% ซึ่งใกล้ขอบล่างของกรอบเป้าหมายของทางการ แม้จะเพิ่มขึ้นจากปี 67 แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ และเอื้อให้ กนง. สามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินได้บ้าง
นางพิมพ์นารา หิรัญกสิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 68 มีแนวโน้มฟื้นตัวจากปี 67 โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการใช้จ่ายภาครัฐ และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงและความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยภายใน และภายนอกยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม เช่น ความตึงเครียดทางการค้าที่อาจรุนแรงขึ้น จากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ การทะลักเข้าของสินค้านำเข้าจากจีน ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากปรากฏการณ์ลานีญาในช่วงครึ่งแรกของปี รวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง ซึ่งจะยังคงกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม
ที่มา : MgrOnline