* ปตท. และ OR ออกแถลงการณ์ร่วมกันปฏิเสธข่าว DSI สรุปสำนวนผู้บริหารเข้าข่ายผิด พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ * แถลงการณ์ระบุว่า ข่าวที่กล่าวอ้างนั้นไม่เป็นความจริง * ชี้มีกลุ่มบุคคลใช้ข้อกล่าวหาเท็จเพื่อสร้างความเสียหายให้ ปตท. และ OR
ปตท.จับมือ OR แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าตามที่มีการกล่าวอ้างว่าDSIสรุปสำนวนผู้บริหารPTT-OR เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯน้้นไม่เป็นความจริง ชี้มีตัวแทนกลุ่มบุคคลใช้ข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง เพื่อมีเจตนาสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงเครือปตท. และ ผู้บริหาร ลั่นปตท.อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียงบริษัทและผู้บริหาร

นางสาวภัทรลดา สง่าแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะกล่าวอ้างว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ “สรุปสำนวนเชื่อว่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)(“ปตท.”)และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน)หรือOR (รวมเรียกว่า “ผู้บริหารฯ”) เข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น

ปตท.ขอเรียนชี้แจงดังนี้

1. ข่าวดังกล่าวมีที่มาจากการที่มีตัวแทนของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตโดยได้เข้ามาถือหุ้นในบริษัทในเครือของปตท.เพียง 100หุ้นเพื่อใช้เป็นฐานในการยื่นฟ้องคดีผู้บริหารของปตท.และOR ต่อศาลโดย ใช้ข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง และมีเจตนาสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัทในเครือ ปตท. และ ผู้บริหาร

2. ข่าวดังกล่าวมีเนื้อหาที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้นเป็นเพียงเอกสารที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวนำมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ปัจจุบันศาลยังไม่ได้รับคำฟ้องดังกล่าว และกรมสอบสวนคดีพิเศษเองก็ยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนตามที่มีการกล่าวอ้างใน ข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด

3. ปตท. เชื่อว่าข่าวดังกล่าวเป็นความพยายามของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริต ซึ่งพยายามบิดเบือน ข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยายามกล่าวหาและโจมตีผู้บริหารฯ มาโดยตลอด โดยกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตดังกล่าว ได้ยื่นเรื่องตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อ ปตท. ให้ปตท. ตรวจสอบในปี 2566 ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบของ ปตท. ได้ ร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทจดทะเบียนในเครือปตท.ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีก 3แห่งได้แก่บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) บริษัทปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) และบริษัท โกลบอล กรีนเคมิคอล จำกัด(มหาชน) ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาแล้ว ผลการตรวจสอบปรากฏว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวปราศจากมูลความจริง

4. การกระทำของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตในการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีลักษณะ เป็นการกระทำที่มีเป้าประสงค์เพื่อบ่อนทำลายชื่อเสียงของปตท.กลุ่มบริษัทในเครือของปตท.และผู้บริหารฯผ่าน กลยุทธ์ที่สะท้อนถึงความไม่โปร่งใส และเจตนาแอบแฝง เช่น การเริ่มต้นเผยแพร่หรือแชร์เอกสารผ่านบัญชีสื่อ สังคมออนไลน์ที่เป็น“บัญชีอวตาร”ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นบัญชีปลอมหรือไม่สามารถระบุ ตัวตนผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการใช้ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นความ พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบและการดาเนินการทางกฎหมาย

5. ปตท.อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียงของปตท.กลุ่มบริษัทในเครือของ ปตท. และผู้บริหาร ปตท. ขอให้นักลงทุนใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข่าวสารที่ได้รับ และหลีกเลี่ยงการแชร์ ข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และความเสียหายต่อ ปตท. กลุ่มบริษัทในเครือของ ปตท. และผู้บริหารฯ

ท้ายนี้ปตท. ขอยืนยันในความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล และจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น และสร้างความเชื่อมั่นในความถูกต้องและความเป็น ธรรมของกระบวนการทางกฎหมาย

ที่มา : MgrOnline