โลกโล่งอก! ฮิซบอลเลาะห์-อิสราเอลเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันพุธ

เผยแพร่ : 27 พ.ย. 2567 05:36:14
X
• อิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ตกลงหยุดยิง มีผลวันที่ 27 พ.ย.
• สหรัฐฯและฝรั่งเศสเป็นคนกลางเจรจาข้อตกลง
• ประธานาธิบดีไบเดนยืนยันการหยุดยิง

การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน จะมีผลในวันพุธ (27 พ.ย.) หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายตอบรับข้อตกลงหยุดยิงหนึ่งที่มีสหรัฐฯ และฝรั่งเศสเป็นคนกลาง จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งอเมริกา

ไบเดน ระบุว่าข้อตกลงนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการหยุดความเป็นปรปักษ์อย่างถาวร เปิดทางสำหรับยุติความขัดแย้งที่เข่นฆ่าผู้คนไปหลายพันคน นับตั้งแต่มันโหมกระพือขึ้นตามหลังสงครามกาซาเมื่อปีที่แล้ว

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในเรื่องนี้ที่ทำเนียบขาว ไม่นานหลังจากคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอลเห็นชอบข้อตกลงดังกล่าวด้วยคะแนน 10 ต่อ 1 เสียง พร้อมเผยว่าเขาได้พูดคุยกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และนาจิบ มาคาติ นายกรัฐมนตรีเลบานอนแล้ว และการสู้รบข้ามชายแดนอิสราเอล-เลบานอน จะหยุดลงตอน 04.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 9.00 น.)

"มันถูกออกแบบมาเพื่อหยุดความเป็นปรปักษ์อย่างถาวร" ไบเดนกล่าว "สิ่งที่เหลือไว้คือ พวกฮิซบอลเลาะห์และองค์กรก่อการร้ายอื่นๆ จะไม่ถูกปล่อยให้เป็นคุกคามความมั่นคงของอิสราเอลอีกแล้ว" ไบเดนระบุ

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยว่าอิสราเอลจะถอนทหารอย่างค่อยเป็นค่อยไปในกรอบเวลา 60 วัน ในขณะที่กองทัพเลบานอนจะเข้าควบคุมดินแดนต่างๆ ใกล้ชายแดนติดกับอิสราเอล เพื่อรับประกันว่าฮิซบอลเลาะห์จะไม่ฟื้นฟูโครงการพื้นฐานของนักรบกลุ่มนี้ในบริเวณดังกล่าว "พลเรือนของทั้ง 2 ฟากฝั่งจะสามารถกลับคืนสู่ชุมชนของพวกเขาอย่างปลอดภัยเร็วๆ นี้"

อับดุลเลาะห์ บัว ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศเลบานอน บอกก่อนหน้านี้ว่า กองทัพเลบานอนพร้อมส่งทหารอย่างน้อย 5,000 นาย เข้าประจำการทางใต้ของเลบานอน ขณะที่อิสราเอลถอนกำลังพลออกไป

ก่อนหน้านั้น เนทันยาฮู เผยว่าเขาพร้อมปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง แต่จะตอบโต้อย่างเต็มกำลังหากมีการละเมิดใดๆ  โดยพวกฮิซบอลเลาะห์ พร้อมประกาศว่าอิสราเอลจะคงไว้ซึ่งความเป็นอิสระในปฏิบัติการทางทหารใดๆ

แม้ภายในรัฐบาลผสมของเขา มีบางส่วนส่งเสียงคัดค้านข้อตกลงนี้ แต่ เนทันยาฮู บอกว่าข้อตกลงหยุดยิงจะเปิดทางให้อิสราเอลหันไปมุ่งเน้นกับภัยคุกคามจากอิหร่าน เติมเต็มเสบียงอาวุธที่ร่อยหรอและให้กำลังพลได้หยุดพัก รวมถึงโดดเดี่ยวฮามาส กลุ่มนักรบที่โหมกระพือสงครามในภูมิภาค จากการที่เปิดฉากโจมตีจากกาซาเล่นงานอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน

"เราจะบังคับใช้ข้อตกลงและจะตอบโต้อย่างเต็มกำลังต่อการละเมิดใดๆ ควบคู่กัน เราจะเดินหน้าจนกว่าได้รับชัยชนะ ในการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับสหรัฐฯ เราจะคงไว้ซึ่งเสรีภาพในปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มที่ หากฮิซบอลเลาะห์ละเมิดข้อตกลงหรือพยายามเติมอาวุธ เราจะโจมตีอย่างเด็ดเดี่ยว" เนทันยาฮูระบุ

เนทันยาฮู มองว่า ฮิซบอลเลาะห์อ่อนแอลงอย่างมากกว่าตอนที่เริ่มความขัดแย้ง "เราทำให้พวกเขาย้อนกลับไปหลายทศวรรษ กำจัดผู้นำทั้งหลายของพวกเขา ทำลายจรวดและขีปนาวุธเกือบทั้งหมด กำจัดพวกนักรบหลายพันคน และลบล้างโครงสร้างพื้นฐานก่อการร้ายหลายปี ใกล้ชายแดนของเรา"

เจนีน เฮนนิส-พลาสเชิร์ต ผู้ประสานงานพิเศษของสหประชาชาติ ด้านเลบานอน แสดงความยินดีกับข้อตลงหยุดยิง พร้อมแสดงให้คิดเห็นเรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆ ในข้อตกลงดังกล่าว ฉวยโอกาสนี้ปิดฉากปฐมบทแห่งหายนะดังกล่าว

ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอล จะเป็นตัวเร่งข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันในฉนวนกาซา ดินแดนที่อิสราเอลกำลังสู้รบกับนักรบปาเลสไตน์ฮามาส โดยทั้งรัฐบาลเลบานอนและฮิซบอลเลาะห์ ยืนยันว่าการนำพาประชาชนผู้ไร้ถิ่นฐานกลับสู่ทางใต้ของเลบานอน คือหลักการสำคัญของข้อตกลง

อิตามาร์ เบน-กาวีร์ รัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล สมาชิกฝ่ายขวาในรัฐบาลของเนทันยาฮู เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ไม่เห็นด้วยกับการหยุดยิง โดยบอกว่าข้อตกลงไม่ได้รับประกันว่าชาวอิสราเอลจะได้กลับสู่ถิ่นฐานบ้านเรือนทางภาคเหนือของประเทศ และกองทัพเลบานอนไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะกำราบพวกฮิซบอลเลาะห์

แม้สามารถผ่าทางตันทางการทูตได้แล้ว แต่การสู้รบยังคงมีอยู่ โดยอิสราเอลยกระดับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงเบรุตและพื้นที่อื่นๆ ของเลบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอีกอย่างน้อย 18 ราย ทางกองทัพอิสราเอลอ้างว่าพวกเขาเล่นงานองค์ประกอบบริหารจัดการทางการเงินของพวกฮิซบอลเลาะห์ ในนั้นรวมถึงสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราแห่งหนึ่ง

ขณะเดียวกัน พวกฮิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ก็ยังคงเดินหน้ายิงจรวดเข้าใส่อิสราเอล โดยกองทัพอิสราเอลเผยว่ากองทัพอากาศสกัดจรวด 3 ลูก ที่ยิงออกมาจากดินแดนเลบานอน ส่วนหนึ่งของการโจมตีด้วยห่าจรวดเมื่อคืนวันอังคาร (26 พ.ย.) นำมาซึ่งการแจ้งเตือนภัยครอบคลุมถิ่นฐานต่างๆราว 115 แห่ง

(ที่มา : รอยเตอร์)

ที่มา : MgrOnline