“สนามท้องถิ่น”เดือด เริ่มศึกสองขั้ว !?

เผยแพร่ : 26 พ.ย. 2567 23:42:32
X
• การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้เป็นภาพจำลองของการเลือกตั้งใหญ่ในอนาคต
ทักษิณ ชินวัตร - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เมืองไทย 360 องศา

ได้เห็นภาพจำลองจากการเลือกตั้งท้องถิ่น คือการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และกำลังเกิดขึ้นอีกในบางจังหวัด เช่น อุบลราชธานี การเลือกตั้งดังกล่าวได้สะท้อนการเมืองในภาพใหญ่ได้อย่างชัดเจนที่สุด และจะกลายเป็นการเริ่ม “ศึกสองขั้ว” นับจากนี้ไป
การการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการต่อสู้กันระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่ คือ เพื่อไทย กับประชาชน ที่ต่างฝ่ายต่างทุ่มเทสรรพกำลังออกมาอย่างเต็มที่ โดยฝ่ายแรก นำโดย นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถึงกับทุ่มทุนเองนำขบวนขึ้นเวทีเดินสายปราศรัยในพื้นที่สำคัญ ขณะที่อีกฝ่ายก็นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งก็ถือว่าเป็น “เจ้าของคอก” ตัวจริงเช่นเดียวกัน

แน่นอนว่าในทางการเมืองสนามเลือกตั้งท้องถิ่น โดยเฉพาะในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) มันไม่ค่อยต่างจากการเลือกตั้ง ส.ส.ในระดับชาติ เพราะเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้ง และเป็นการเลือกตั้งทั้งจังหวัด มีขอบเขตกว้างขวาง ดังนั้นอย่าได้แปลกใจ ที่นับวันการเลือกตั้งแบบนี้นับวันจะมีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้บรรดาพรรคการเมืองใหญ่ ต่างต้องการยึดหัวหาดสร้างฐานเสียงเอาไว้ให้ได้

ไม่ต่างจากการเลือกตั้งในภาคใต้ ที่เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยยึดครองมาอย่างยาวนาน ก็ถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนมือ ซึ่งก็ทำให้เห็นภาพชัดเจน

สำหรับพรรคเพื่อไทย หวังจากที่ได้ชัยชนะที่ อบจ.อุดรธานีไปแล้ว พวกเขาก็กำลังเดินหน้าหาเสียงที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีต่อไป

ขณะที่พรรคประชาชน ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ได้เปิดตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดไปแล้วรวม 14 จังหวัด และมีการเลือกตั้งไปแล้ว 2 จังหวัด ทำให้มีผู้สมัครเหลืออยู่ 12 คน และจะมีการทยอยประกาศเปิดตัวออกมาเรื่อยๆ

นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ปัจจัยในการส่งผู้สมัครนายก อบจ. พิจารณาหลายองค์ประกอบ แต่สิ่งสำคัญคือ ความพร้อมของตัวผู้สมัคร นโยบาย รวมไปถึงเรื่องจุดยืนและอุดมการณ์ โดยเป้าหมายของพรรคประชาชน ในการส่งผู้สมัครครั้งนี้ คือจะต้องชนะสนามเลือกตั้งนายกอบจ. ให้ได้สัก 1 แห่ง ในทุกภูมิภาค

สำหรับปัจจัยจากคู่แข่ง เช่นกรณีพื้นที่อุดรธานี ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร ได้ลงไปช่วยผู้สมัคร นายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยหาเสียงนั้น โดยส่วนตัวมองว่า ไม่อยากให้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณ หรือใครก็ตามไปช่วยหาเสียง แต่อยากให้มองว่าจะเป็นสิ่งประชาชนได้ประโยชน์ในการได้รับข้อมูลข่าวสารกว้างขวางยิ่งขึ้น จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีถ้าจะมีแกนนำของพรรคการเมือง ลงไปช่วยผู้สมัครหาเสียง

ขณะที่ นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน ระบุว่าสำหรับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคประชาชนในครั้งนี้ รวม 12 คน 12 จังหวัด และที่อยู่ระหว่างการแข่งขัน 2 จังหวัด รวม 14 คน

แต่หลังจากนี้ก็จะมีการทยอยเปิดตัวอีก 4-5 จังหวัด ในช่วงปลายเดือน พ.ย.หรือ ต้น ธ.ค.นี้ โดยขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการคัดสรรผู้สมัคร โดยเน้นเรื่องการนำเสนอนโยบายที่ทำได้จริง พร้อมเชื่อมั่นว่าพรรคประชาชนจะชนะการเลือกตั้งได้ตามเป้า คือมีผู้สมัครในทุกภูมิภาค

ขณะที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทย ยังอุบไต๋ ไม่บอกว่าจะเปิดตัวผู้สมัครในจังหวัดใดต่อจากนี้ หลังจากที่เอาชนะที่จังหวัดอุดรธานี มาหมาดๆ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง แนวโน้มการส่งผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยในอนาคต จะเป็นอย่างไรว่า ทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคจะประชุมกัน คงมีความชัดเจนหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่หารือกันว่าจะส่งจังหวัดไหนบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า สนามเลือกตั้งนายก อบจ.ในพื้นที่อื่น จะมีผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยอีกใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ต้องดูพื้นที่แต่ละจังหวัด ว่าผู้สมัครมีศักยภาพขนาดไหน และที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือประชาชนหรือไม่ เป็นปัจจัยที่จะพิจารณา

หลังจากมีการพิจารณารายชื่อจังหวัดที่จะมีการเลือกตั้งกันในอนาคต นอกจากพื้นที่ทางภาคอีสานแล้ว ในสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทางภาคเหนือ เช่น ที่เชียงใหม่ ถือว่าน่าจับตามองอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน เพราะถือว่าเป็นบ้านเกิดของ “นายใหญ่” อย่างนายทักษิณ ชินวัตร และเป็นฐานดั้งเดิมที่พวกเขายึดครองมาตลอดแบบไม่ยากเย็น แต่จากการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา พรรคประชาชน (ก้าวไกล) สามารถปักธงไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะในเขตเมือง จนทำให้พรรคเพื่อไทย ต้องเสียรังวัดไปเหมือนกัน

หากให้พิจารณาจากสนามเลือกตั้งท้องถิ่นที่เกิดขึ้น และกำลังจะเกิดขึ้นทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปีหน้า ย่อมทำให้เห็นว่า นี่คือศึกประลองกำลังเกิดขึ้น โดยเป็นสนามทดสอบของ “สองขั้ว” ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน ก่อนจะถึงศึกใหญ่ในการเลือกตั้ง ส.ส.คราวหน้า

และเมื่อสำรวจกันแล้ว ที่ผ่านมาในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยมักเอาชนะพรรคประชาชน มาได้แทบทุกสนาม แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า “พรรคส้ม” แม้จะแพ้ แต่ก็หายใจรดต้นคอมาทุกสนามเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเมือง และอำเภอสำคัญพวกเขา ก็มักได้ชัยเหมือนกัน

ดังนั้นมองจากภาพรวมแล้วก็ได้เห็นแนวโน้มว่า นับจากนี้ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้อง “เอาจริง” กันแล้ว เพราะต่างฝ่ายล้วนมี “เดิมพัน” สูงด้วยกันทั้งนั้น และถึงเวลาที่ระดับ “เจ้าของ” ต้องลงลุยกันด้วยตัวเองแล้ว และเริ่ม “ศึกสองขั้ว” อย่างจริงจังเสียที !!

ที่มา : MgrOnline