SNPS ปิดจ็อบขาย IPO เกลี้ยง 105 ล้านหุ้น มั่นใจพื้นฐานแกร่งพร้อมเทรดวันแรก 29 พ.ย.นี้

เผยแพร่ : 26 พ.ย. 2567 12:44:46
X
• การขายหุ้น IPO ประสบความสำเร็จ
• บริษัทมั่นใจในพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง
• หุ้น SNPS เริ่มซื้อขายวันแรก 29 พ.ย.

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายของ บมจ.สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ (SNPS) เปิดเผยว่า ผลการจองซื้อหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ SNPS จำนวน 105 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท ในราคาหุ้นละ 4.20 บาท ระหว่างวันที่ 21-22 และ 25 พ.ย.67 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจปัจจัยพื้นฐานของ SNPS

SNPS เป็นผู้นำในการสกัดสารสกัดสมุนไพรมาตรฐานที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปี ที่ให้บริการด้านสมุนไพรอย่างครบวงจร และมุ่งเน้นด้านการวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง งวด 9 เดือนแรกปี 67 มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 40.27% และอัตรากำไรสุทธิ 14.67% ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพในการเติบโตจากเทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพจากการหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติซึ่งไม่ใช่แค่เพียงกระแสในประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นเมกะเทรนด์ที่ผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบจากธรรมชาติ

นายสมภพ กล่าวว่า เมื่อผนวกกับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต จึงถือว่า SNPS เป็นหุ้นน้องใหม่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และสามารถเติบโตอย่างมั่นคงได้ในระยะยาว โดยหุ้น SNPS เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ (PERSON) ในวันที่ 29 พ.ย.67

ด้าน น.ส.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SNPS กล่าวว่า บริษัทพร้อมต่อยอดธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน เงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งจะนำไปต่อยอดธุรกิจด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีการสกัดขั้นสูง Phytoextraction Technology และวิจัยพัฒนา และผลิตผลิตภัณฑ์ยาพัฒนาจากสมุนไพร อาหารทางการแพทย์หรืออาหารที่มีวัตถุประสงค์พิเศษเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ลดน้ำตาลในเลือด ปรับสมดุลการย่อยอาหาร สร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการคลื่นไส้วิงเวียน เป็นต้น ถือเป็น New S-Curve ที่สำคัญในอนาคต รวมถึงนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

"การนำบริษัทเข้า SET ถือเป็นการปลดล็อกศักยภาพในการเติบโต เพื่อรองรับการขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ และสร้างการเติบโตด้วยความพร้อมของฐานเงินทุน รวมถึงโอกาสทางธุรกิจที่จะตามมาอีกมากมาย นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้" น.ส.ธีรญา กล่าว

ที่มา : MgrOnline