"เจมส์ ฮาวเวลล์" กับปริศนาบิทคอยน์ในฮาร์ดไดร์ฟ 716 ล้านดอลลาร์ที่หายไปในหลุมฝังกลบขยะ

เผยแพร่ : 25 พ.ย. 2567 21:42:25
X
• เจมส์ ฮาวเวลล์ เสียบิทคอยน์มูลค่ามหาศาลเนื่องจากฮาร์ดไดรฟ์หายไปในหลุมฝังกลบ
• ฮาลฟีน่า เอดดี้-อีแวนส์ อดีตหุ้นส่วนของฮาวเวลล์ ยอมรับว่าเธอเป็นคนทิ้งฮาร์ดไดรฟ์นั้น
• ข่าวนี้ทำให้คดีที่เคยคิดว่าจบไปแล้วกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง
• การค้นหาบิทคอยน์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นอีกครั้ง
เจมส์ ฮาวเวลล์ ชายผู้ทิ้งบิทคอยน์มูลค่า 716 ล้านดอลลาร์ไปกับฮาร์ดดิสก์
เรื่องราวของเจมส์ ฮาวเวลล์ และบิทคอยน์มูลค่า 716 ล้านดอลลาร์ที่สูญหายในหลุมฝังกลบขยะในเวลส์เมื่อเกือบ 10 ปีก่อนได้พลิกผันอีกครั้ง เมื่อ "ฮาลฟีน่า เอดดี้-อีแวนส์" อดีตหุ้นส่วนของฮาวเวลล์เปิดเผยว่า เธอเป็นคนทิ้งฮาร์ดไดรฟ์ที่มีบิทคอยน์จำนวน 8,000 เหรียญไปตามคำร้องขอของฮาวเวลล์ โดยในบทสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดลีเมล์ เอดดี้-อีแวนส์กล่าวว่า "การทำมันหายไม่ใช่ความผิดของเธอ"

ย้อนกลับไปเมื่อ 2013 เจมส์ ฮาวเวลล์ ทำฮาร์ดไดรฟ์หายไป ขณะที่เขากำลังเคลียร์คอมพิวเตอร์เก่า ๆ โดยในเวลานั้นบิทคอยน์มีมูลค่าต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ และความสำคัญของฮาร์ดไดรฟ์ในขณะนั้น อยู่ในในกลุ่มของขยะไอที ซึ่งไม่มีจุดเด่นเป็นที่สังเกต ในเวลาต่อมาหลังจากที่ราคาบิทคอยน์เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮาวเวลล์จึงนึกขึ้นมาได้ว่าเขาเก็บบิทคอยน์ไว้ในไดรฟ์นั้นกว่า 8,000 เหรียญบิทคอยน์ ซึ่งเป็นเหรียญที่เขาขุดได้ในปี 2009 ซึ่งหากเทียบกับราคา ณ ปัจจุบัน ที่มูลค่าของบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้น เท่ากับว่าเขาทำทรัพย์สินที่สูญหายมีมูลค่ามากกว่า 716 ล้านดอลลาร์

ตามหาแทบพลิกแผ่นดินแต่ติดกำแพงกฎหมายและสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ทราบถึงทรัพย์สินที่สูญหาย ฮาวเวลล์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสภาเมืองนิวพอร์ตหลายครั้ง เพื่อขออนุญาตขุดหลุมฝังกลบ แต่คำร้องเหล่านั้นถูกปฏิเสธเนื่องจากความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและความท้าทายด้านการขนส่ง แต่ถึงอย่างนั้น ฮาวเวลล์เองก็ไม่ย่อท้อ โดยเขาได้ให้คำมั่นว่าจะจัดหาเงินทุนสำหรับการขุดค้นนี้เป็นการส่วนตัว พร้อมทั้งเสนอแนวคิดมูลค่า 11 ล้านดอลลาร์ ในการให้รางวัลผู้ที่ขุดหลุมฝังศพและให้คำมั่นว่าจะบริจาค 10% ของเงินที่กู้คืนได้ให้กับสภา อย่างไรก็ตามทางสภาเมืองยังคงยืนยันว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากใบอนุญาตด้านสิ่งแวดล้อมขัดกับกฏหมายสิ่งแวดล้อมไม่ จึงไม่อนุญาตให้ดำเนินการ
เจมส์ ฮาวเวลล์ ชายผู้ทิ้งบิทคอยน์มูลค่า 716 ล้านดอลลาร์ไปกับฮาร์ดดิสก์
ต่อมาฮาวเวลล์จึงฟ้องสภานครนิวพอร์ตเพื่อเรียกค่าเสียหาย 647 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากการปฏิเสธคำร้องของเขา

บทเรียนสกุลเงินดิจิทัลราคาแพงที่สุดในโลกที่ต้องจำไปจนวันตาย


ทั้งนี้ คดีนี้เน้นย้ำถึงความเสี่ยงของการดูแลตนเองของผู้ถือสกุลเงินดิจิทัล โดยความเห็นของเอดดี้-อีแวนส์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดเก็บที่ปลอดภัย การวางแผนล่วงหน้าถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เงินที่ถืออยู่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ อีกทั้งไม่เสี่ยงต่อการสูญหายหรือถูกทิ้ง โดยการเก็บบิทคอยน์ในกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ที่เรียกว่า "กระเป๋าเงินแบบเย็น" มีความสำคัญเพื่อป้องกันการแฮ็กทางออนไลน์และความสูญเสียทางการเงิน ควรจัดเก็บสำเนาของคำวลีการกู้คืนและคีย์ส่วนตัวไว้ในที่ปลอดภัยหลายแห่ง เช่น กล่องฝากของนิรภัยหรือที่เก็บข้อมูลดิจิทัลแบบเข้ารหัสที่ซับซ้อน

ที่มา : MgrOnline