อู่ซ่อมรถบีเอ็มฯลูกอดีตเพชฌฆาต รับลูกน้องขโมยกุญแจขับไปชนพังยับจริง ร่ำไห้หมดปัญญาจ่ายขอผ่อน

เผยแพร่ : 25 พ.ย. 2567 14:14:24
X
• คนขับ BMW ถูกจับคดีเสพยา: ยอมรับลูกน้องขโมยกุญแจรถไปขับจนเกิดอุบัติเหตุ
• ค่าเสียหายรถ BMW 5 แสนบาท: คนขับไม่มีเงินชดใช้
• คนขับ BMW เคยถูกจับคดีเสพยาและจำคุก: ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้

เปิดใจเจ้าของอู่ แจงปัดปล่อยกู้-ไม่ได้รับจำนำ ย้ำแค่ช่วยเพื่อน ด้านคนขับรถ BMW ถูกจับคดียาเสพติด ยอมรับลูกน้องขโมยกุญแจนำไปขับจนเกิดอุบัตอิเหตุ เจ้ารถเรีย 5 แสนบาท ไม่มีเงินจ่าย ส่วนตัวก่อเรื่องถูกจับคดียาเสพติดเข้าคุกไปแล้ว

จากกรณีนายประเวศน์ จารุบุณย์ อายุ 55 ปี ลูกชายของนาย เชาวเรศน์ จารุบุณย์ อดีตเพชฌฆาตคนสุดท้ายของเรือนจำบางขวาง เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง หลังจากนำรถยนต์ยี่ห้อ BMW รุ่น 320 i สีดำ ทะเบียน ฆพ 7988 กรุงเทพฯ ไปจำนำกับอู่รถแห่งหนึ่งในพื้นที่บางบัวทอง เป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท โดยถูกคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 % ต่อเดือน ต่อมารถคันดังกล่าวได้ถูกทางอู่รถนำไปฝากไว้ที่อู่อีกแห่งหนึ่งย่านไทรน้อย และได้ถูกพนักงานของเอู่รถนำรถออกไปขับหลายครั้งจนเกิดอุบัติเหตุทำให้รถได้รับความเสียหายหนัก ปัดรับผิดชอบ

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้(25 พ.ย.67) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังอู่ช่างพลเซอร์วิส ตั้งอยู่บนถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามช่างพล (ขอสงวนชื่อ นามสกุล) อายุ 40 ปี เจ้าของอู่ กล่าวชี้แจงว่า เมื่อช่วงประมาณกลางเดือนสิงหาคม ตนได้นั่งดื่มเหล้ากับนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทตนอยู่ที่อู่ จากนั้นนายสมศักดิ์ก็ได้โทรหาเพื่อนของเขาซึ่งเป็นเจ้าของรถ BMW คันดังกล่าว แล้วมานั่งพูดคุย จากนั้นนายสมศักดิ์ก็แจ้งว่าเพื่อนตนเดือดร้อนจะนำรถมาจำนำ ในราคา 40,000 บาท โดยพูดคุยกันแบบเพื่อนพ้อง ไม่ได้มีการทำสัญญาอะไร ซึ่งตอนนั้นนายสมศักดิ์และตนไม่มีเงิน จึงได้โทรหาเพื่อนซึ่งทำอาชีพ ขายของเก่า ชื่อนายบี(นามสมมุติ) ที่ตนรู้จักเห็นว่าเพื่อนของเพื่อนรักนั้นเดือดร้อน จึงแนะนำคนรู้จักก็ได้ทำการโอนเงินให้กับนายสมศักดิ์จำนวน 40,000 บาท

จากนั้นก็รับรถเอาไว้ ต่อมาทางเพื่อนตนนายบี ก็ได้ให้ลูกน้องนำรถ BMW คันนี้ไปไว้แถวบ้านปากเกร็ด ซึ่งเป็นบ้านของเขา ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ไม่ได้ดอกเบี้ยปล่อยกู้อะไรสักอย่างมีแต่ประสานเพื่อนตนเนื่องจากสมศักดิ์ขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากจากนั้นทางลูกน้องของนายบี ก็ได้ขโมยกุญแจรถนำรถคันดังกล่าวไปขับแล้วก็ไปชนกับรถกระบะพังเสียหาย แต่เท่าที่ได้ข้อมูลมาทางคนขับจะรับผิดชอบแต่ไม่มีเงินก้อนที่จะให้ แต่ทางเจ้าของรถนั้นไม่ยอมให้ผ่อนจ่าย โดยคนขับมีการเข้าไปพูดคุยกันแล้วแต่ตกลงกันไม่ได้ ตนเคยเตือนน้องแล้วอย่าเอารถไปขับตอนนี้เดือดร้อนกันไปหมด คนที่แอบขับรถไปชนตอนนี้โดนตำรวจจับติดคุกไปแล้วข้อหาเสพยาเสพติดเมื่อประมาณ 3 อาทิตย์ที่แล้ว

ช่างพล กล่าวต่อว่า ตนเป็นอู่ซ่อมรถและแข่งรถทั่วประเทศ เปิดบริการ 2 สาขา วันที่ 19 ต.ค.67 ตนมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพที่อู่สาขาไทรน้อย ทางของเจ้าของรถที่ได้เดินเข้ามามาที่อู่มาโวยวายด่าทอข่มขู่ลูกน้องตน ซึ่งวันนั้นตนจะรับผิดชอบด้วยการซ่อมแซมให้แต่ทางเจ้าของได้ปฏิเสธโดยเดินทางมาพร้อมรถสไลด์แล้ว นำรถของเขาออกไปโดยไม่แจ้งเจ้าของอู่ หลังเกิดเรื่องตนมีการพูดคุยกันทุกฝ่ายแล้ว ทั้งคนให้เงินคนขับชนที่จะช่วยกันรับผิดชอบ เพราะเจ้าของรถเข้าไม่ได้เป็นคนผิด แต่ติดที่ไม่มีเงินก้อนที่จะไปรับผิดชอบให้

ช่างพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ตนรู้สึกเสียใจถ้าตนผิดยอมรับผิดลูกผู้ชายพอ ที่ตนยอมช่วยเหลือเพราะสมศักดิ์ช่วยตนมาตลอด ไม่มีใครอยากรู้ทรัพย์สินใครเสียหาย แต่มาพูดความจริงบ้างพูดเท็จบ้าง ตังค์ลูกน้องของนายบียอมจ่ายค่าเสียหายและค่าซ่อมแต่ทางคู่กรณีจะเอาเป็นเงินสด ไม่ยอมให้ คนขับผ่อนจ่าย เลยไม่รู้จะไปหาที่ไหน รถคู่กรณีราคา 300,000 กว่า ประกันจ่ายมา 2 แสนกว่าแต่ทั้งคู่กรณีจะเอา 5 แสนกว่า ทุกอย่างตรวจสอบได้ ตนเป็นอู่รู้ราคา ราคารถไม่ถึงราคาซ่อม ตอนนี้ตนเสียหาย ต่อไปไม่กล้าช่วยใครแล้ว ส่วนประเด็นเงินกู้ยืนยันไม่มีการปล่อยกู้ใดๆทั้งสิ้น ก่อนหน้านี้ทางเจ้าของรถได้มาเอาเงินจากนายสมศักดิ์อยู่บ่อยๆ ก่อนรถชนและหลังรถชนรวมยอดตอนนี้ประมาณ 65,000 บาท ซึ่งทางสมศักดิ์และเจ้าของเงินก็ไม่ได้มีการปล่อยกู้เก็บดอกเบี้ยแต่อย่างใด

ส่วนทางด้านนายคมสัน ราศรี อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกับคนขับ เปิดเผยว่า เพื่อนตนชื่อนายเอ(นามสมุติ) อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นคนที่ขับรถชน วันเกิดเหตุตนเวลาประมาณ 03.00 น. ตนมานั่งเล่นอยู่บ้านพักของนายเอ ย่านปากเกร็ด ตามปกติ ตอนนั้นตนได้นอนดูทีวี ส่วนนายเอไปอาบน้ำแต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอก ตนก็ได้ถามนายเอว่าไปไหน แต่นายเอไม่ตอบ ตนก็ไม่ได้สนใจแล้วเผลอหลับไป ปรากฏว่าช่วงเช้าวันต่อมาเวลาประมาฯ 08.00-09.00 น. นายเอได้โทรหากับทางนายจ้าง แจ้งว่าขับรถชนท้ายรถกระบะได้รับบาดเจ็บย่านบางศรีเมือง ทางนายจ้างจึงต่อว่าลูกน้อง เพราะเคยเตือนหลายรอบแล้วว่าอย่าเอารถของคนอื่นไปขับ ตนก็เคยทราบข่าวมาแล้วประมาณ 2-3 ครั้ง ที่ขโมยกุญแจนายจ้างที่ดูแลรถ ตนก็เคยต่อว่าไปแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยฟังชอบนำรถคันนี้ไปเที่ยวรับสาวโชว์สาวตอนกลางคืน แต่ตอนนี้เพื่อนตนที่เป็นคนขับถูกตำรวจจับกุมตัวไปแล้วประมาณ 2-3 อาทิตย์ คดียาเสพติด แต่เท่าที่ได้พูดคุยทางเพื่อนตนก็บอกว่าจะรับผิดชอบแต่ทางเจ้าของรถแจ้งว่าจะเอาเงินก้อนทางเพื่อนตนก็ไม่มีให้ เรื่องนี้ตนเห็นใจพี่เจ้าของอู่เพราะไม่ได้ปล่อยกู้ดอกร้อยละ 10 % ตามข่าวและไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะเจ้าของอู่ไม่มีเงินก้อน เงินลูกน้องยังติดอยู่ด้วยซ้ำ



ที่มา : MgrOnline