เมื่อขีปนาวุธของรัสเซียได้พูดด้วยตัวมันเอง!!!
เผยแพร่ : 24 พ.ย. 2567 15:23:56
• ยูเครนและนาโต้ได้เปิดฉากโจมตีรัสเซียโดยตรงแล้ว
• การโจมตีใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล
• ความร่วมมือระหว่างยูเครนและนาโต้มีความใกล้ชิด จนยากจะแยกแยะว่าฝ่ายใดเป็นผู้ริเริ่มการโจมตี
หมายเหตุ: ข่าวนี้ต้องการการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานยืนยันการโจมตีโดยตรงจากนาโต้หรือยูเครนที่ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล ข้อมูลอาจเป็นการบิดเบือนหรือข่าวลือ
ตกลง...จะเรียกว่าทหาร “NATO” โดยความร่วมมือของรัฐบาลยูเครน หรือกองทัพยูเครนโดยความร่วมมือของทหาร “NATO” ก็น่าจะเรียกได้ด้วยกันทั้งนั้น ได้ตัดสินใจ “เปิดศึกโดยตรง” กับหมีขาวรัสเซียไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการงัดเอาขีปนาวุธพิสัยไกล “ATACMS” (Army Tactical Missile System) ที่อเมริกามอบให้เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยิงจากฐานยิง “Karachev” ซึ่งอยู่ห่างไปจากพรมแดนยูเครนประมาณ 75 ไมล์ เข้าไปในดินแดนรัสเซียถึง 6 ลูกด้วยกัน เมื่อช่วงวันอังคาร (19 พ.ย.) สัปดาห์ที่แล้ว เห็นว่า...ประมาณ 5 ลูก รัสเซียเขาสกัดไว้ได้ แต่ลูกที่ 6 นั้น ถล่มใส่คลังแสงรัสเซียในแคว้น “Bryansk” โดยไม่ถึงกับสร้างความเสียหายอะไรมากมายนัก ถ้าว่ากันตามที่ฝ่ายรัสเซียเขาออกมาป่าวประกาศให้เป็นที่รับรู้-รับทราบ...
แถมวันรุ่งขึ้น คือวันพุธที่ 20 พ.ย.ยังงัดเอาขีปนาวุธพิสัยไกล “Storm Shadow” ของอังกฤษ ยิงใส่ที่ตั้งทางทหารของรัสเซียในภูมิภาค “Kursk” อีกประมาณ 2 ลูกด้วยกัน โดยไม่ได้คิดจะสนใจ ไม่ได้รู้สึก-รู้สา ต่อการลงนามเปลี่ยน “หลักนิยมในการใช้อาวุธนิวเคลียร์” ของผู้นำรัสเซียเมื่อไม่กี่วันมานี้ ที่พร้อมจะตอบโต้-เอาคืนใครก็ตาม ไม่ว่าชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในมือ ซึ่งร่วมกันยิงจรวด โดรน หรือขีปนาวุธต่างๆ เข้าไปในดินแดนรัสเซีย อันถือเป็นการ “ปิดประตูแพ้” หรือ “ปิดโอกาสความเป็นไปได้” ต่อยุทธศาสตร์ของฝ่ายตะวันตกที่คิดยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับรัสเซีย ถ้าว่ากันตามคำอธิบายของผู้อำนวยการข่าวกรองต่างประเทศ (SVR) ของรัสเซีย “นายSergei Naryshkin” ที่ออกมาให้คำจำกัดความถึงเนื้อหาโดยสรุปของการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หลักนิยมการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย ในฐานะชาติที่มีหัวรบชนิดนี้อยู่ในมือไม่ต่ำกว่า 5,000 หัวรบเป็นอย่างน้อย...
และเพื่อแสดงให้เห็นถึง “ศักยภาพ” ดังกล่าว...ให้เป็นที่แจ่มแจ้ง ชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องสงสัยใดๆ อีกต่อไป ในช่วงคืนวันพฤหัสฯ ที่ 21 พ.ย. ฝ่ายรัสเซียเขาจึงได้ตัดสินใจงัดเอาขีปนาวุธพิสัยกลางระดับจรวดข้ามทวีปรุ่นล่าสุด ที่เรียกๆ กันในหมู่ชาวรัสเซียว่า “Oreshnik” (9M729-Oreshnik) หรือที่รู้จักกันในฝ่ายตะวันตกว่า “Hazel” นั่นแหละ ยิงเข้าไปถล่มเมือง “Dnepropetrovsk” หรือเมือง “Dnipro” ของยูเครน อันเป็นแหล่งโครงสร้างทางอุตสาหกรรมหลักๆ ไม่ว่าการผลิตยานยนต์และอากาศยานต่างๆ ที่ชาวยูเครนเรียกว่า “Pivdenmash” หรือชาวรัสเซียเรียกว่า “Yuzhmash” ชนิดราบเลี่ยนเตียนโล่งไปทั้งระบบ ทั้งเมือง ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวตะวันตกและชาวโลก โดยไม่ต้องเสียเวลามาตั้งคำถาม ตั้งข้อสงสัยใดๆ อีกต่อไป หรือได้แสดงให้เห็นอย่างเป็นที่ประจักษ์แจ้ง ชัดเจน เมื่อ “ขีปนาวุธมันได้พูดด้วยตัวมันเอง” เหมือนอย่างที่ผู้นำยูเครนเคยแสดงความกระเหี้ยนกระหือรือที่จะใช้อาวุธของตะวันตกยิงเข้าไปในดินแดนรัสเซียเอาไว้ก่อนหน้านี้...นั่นแล...
คือเพราะอาวุธ หรือขีปนาวุธรุ่นใหม่ล่าสุดของรัสเซียชนิดนี้ ไม่เพียงแต่เป็นจรวดความเร็วเหนือเสียง หรือ “Hypersonic” ที่มีอัตราความเร็วระดับ “MACH 10” หรือระดับ 12,300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อันเป็นอาวุธที่ผู้นำรัสเซียประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านกล้าออกมา “สมรักษ์ คำสิงห์” เอาไว้ถึงขั้นว่า... “ยังไม่มีประเทศใดในโลกที่มีอาวุธชนิดนี้อยู่ในมือ และยังไม่มีหรือยังไม่สามารถที่จะพัฒนาขีดความสามารถเช่นนี้ได้ภายในปี-สองปีนับจากนี้” เพราะนอกจากมันจะเร็วและส่ายไป-ส่ายมา จนแทบไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศของประเทศใดๆ ในโลก จะสามารถป้องกันและสกัดกั้นได้เลยแม้แต่น้อย เป็นอาวุธที่ไม่ได้ลอกแบบ เลียนแบบ มาจากยุคสหภาพโซเวียต แต่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาแบบใหม่ถอดด้าม แต่มันยังสามารถยิงไกลระดับข้ามทวีปไปถึงอเมริกาหรือประเทศไหนๆ ในฝ่ายตะวันตกได้ด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง แถมยังสามารถ “ติดหัวรบนิวเคลียร์” แบบชนิดแตกกระจายออกไปเป็นหลายๆ หัวรบอีกด้วยต่างหาก...
ดังนั้น...แม้ว่าการถล่มศูนย์อุตสาหกรรม “Yuzhmash” ของยูเครนคราวนี้ จะไม่ได้ติดหัวรบนิวเคลียร์เอาไว้ด้วย แต่ก็อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางอากาศของรัสเซีย “นายYuri Knutov” ได้ระบุเอาไว้นั่นแหละว่า “เราได้แสดงให้เห็นแล้วว่า...เราไม่เพียงแต่สามารถถล่ม Yuzhmash ได้เท่านั้น แต่สามารถเล่นงานลอนดอน ปารีส หรืออเมริกาได้ด้วยกันทั้งสิ้น” หรือดังที่รองผู้อำนวยการศูนย์ “The Center for European and International Studies” ของรัสเซีย “นายDmitry Suslov” สรุปไว้ว่า... “ถ้ายูเครนยังคิดใช้ ATACMS หรือ Storm Shadow ยิงใส่รัสเซีย เราก็พร้อมที่จะตอบโต้ด้วย Oreshnik ไปยังเมือง หรือที่ตั้งทางทหาร ของฝ่ายตะวันตกโดยฉับพลัน-ทันที!!!”...
อีกทั้งในขณะที่ว่ากันว่า...ขีปนาวุธ “ATACMS” ซึ่งอเมริกาส่งมอบให้กับยูเครนมีอยู่แค่ประมาณ 50 ลูกเท่านั้น ถ้าว่ากันตามรายงานของสื่อฯ อังกฤษอย่าง “The Times” เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (19 พ.ย.) แต่สำหรับรัสเซีย...ประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านได้ออกมาระบุว่าได้สะสมขีปนาวุธ “Oreshnik” เอาไว้แบบเต็มโกดังเอาเลยถึงขั้นนั้น แถมเมื่อวัน-สองวันมานี้ทางการรัสเซียเขายังได้เริ่มแจกจ่าย “ที่หลบภัยนิวเคลียร์เคลื่อนที่” หรือที่เรียกกันว่า “KUB-M” ตู้คอนเทนเนอร์ที่สามารถใช้เป็นที่หลบภัยจากแรงระเบิดนิวเคลียร์และกัมมันตรังสีในช่วง 48 ชั่วโมง ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยสถาบันวิจัย “All-Russia Research Institute for Civil Defense and Emergencies” (VNII GOChs) ไปให้ชาวหมีขาวตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 5,000 ยูนิตเข้าไปแล้ว อันถือเป็นการตระเตรียม “ความพร้อม” ที่จะรับมือ “สงครามนิวเคลียร์” ล่วงหน้าเอาเลยก็ว่าได้...
อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้สิ่งที่ผู้นำเซอร์เบีย ประธานาธิบดี “Aleksandar Vucic” ท่านเลยต้องออกมา “เตือน” ใครต่อใครเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ยิ่งดูจะมี “น้ำหนัก” มากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น นั่นก็คือคำพูดที่ว่า...มีแต่ “คนบ้า” หรือ “คนที่ไม่คุ้นเคย” กับประธานาธิบดี “ปูติน” เท่านั้นที่จะเพิกเฉยต่อคำเตือนของเขา หรือ... “ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถโจมตีอะไรก็ตาม ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียด้วยอาวุธตะวันตก โดยปราศจากการแก้แค้น-เอาคืน และคิดว่าปูตินจะไม่ใช้อาวุธที่เขาเห็นว่ามีความจำเป็น เมื่อนั้น...เท่ากับว่าคุณยังไม่รู้จักเขาดีพอ หรือไม่งั้นคุณก็เป็นคนที่ไม่ปกติ...” ไม่ต่างอะไรไปจากอดีตผู้ตรวจสอบอาวุธแห่งสหประชาชาติและอดีตนาวิกโยธินอเมริกัน อย่าง “นายScott Ritter” ที่ไม่เพียงแต่ออกมายอมรับว่า ขีปนาวุธ “Oreshnik” ของรัสเซียนั้น มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเอามากๆ แต่ยังชี้ให้เห็นถึงจุดเสี่ยง จุดอันตราย ถึงการตอบโต้กันด้วยอาวุธร้ายๆ เหล่านี้เอาไว้ด้วยว่า การที่ฝ่ายตะวันตกและอเมริกาประเมินรัสเซียต่ำเกินไป กำลังกลายเป็นตัวนำพาโลกทั้งโลกเข้าสู่ “อันตราย” ของสงครามนิวเคลียร์ หรือ...“เรากำลังเข้าใกล้เอามากๆ ที่จะเข้าสู่จุดซึ่งมิอาจหวนกลับคืนมาได้อีก นั่นคือการเข้าสู่...สงครามนิวเคลียร์!!!” นั่นเอง...
แต่ก็นั่นแหละ...ดูเหมือนว่า “คำเตือน” หรือ “ประจักษ์พยาน” ต่างๆ เหล่านี้ ก็ยังไม่ได้ทำให้ฝ่ายตะวันตก หรือคุณพ่ออเมริกาเกิดอาการรู้สึก-รู้สาใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าว่ากันตามคำพูด คำประกาศ ของโฆษก “US Strategic Command” หรือ “STRATCOM” “พลเรือเอกThomas Buchanan” ที่ได้ไปพูด ณ “The Center for Strategic and International Studies” เมื่อช่วงวันพุธที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ถึงขั้นว่า... “อเมริกาพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์...ถ้าหากจำเป็น” อันนี้ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการแสดงให้เห็นถึงอากัปกิริยา ท่วงที อย่างที่ใครต่อใครเรียกๆ กันว่า “การเดินละเมอเข้าสู่สงคราม” ของผู้นำอเมริกาอย่างผู้เฒ่าเอ๋อ ประธานาธิบดี “โจ ซึมเซา” ยิ่งเข้าไปเท่านั้น และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว อย่าง “พลโทMichael Flynn” ท่านเลยอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาเรียกร้องให้รีบ “ปลด” บุคคลผู้นี้ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกาเป็นการด่วน!!! ไม่งั้น...โอกาสที่จะเกิด “สงครามโลกครั้งที่ 3” แถมยังอาจกลายเป็น “สงครามนิวเคลียร์” ย่อมเป็นไปได้สูงเอามากๆ...
ด้วยเหตุนี้...เอาเป็นว่า หลังจากที่ได้เห็นอานุภาพของขีปนาวุธ “Oreshnik” ของรัสเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับจากนี้ต่อไปอีกประมาณเดือนกว่าๆ ร่วม 2 เดือน หรือกว่า 1,000 ชั่วโมง ก่อนที่ผู้เฒ่าเอ๋อ “โจ ซึมเซา” ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของอเมริกา จะพ้นไปจากสถานะ อำนาจ จนได้ บรรดาผู้ที่ “กดปุ่มยิง” ตัวจริงทั้งหลาย อันได้แก่เจ้าของจรวด “ATACMS” ของอเมริกา “Storm Shadow” ของอังกฤษ หรือ “SCALP-EG” ของฝรั่งเศส จะเริ่มคิดหน้า-คิดหลัง ขึ้นมาหรือไม่? อย่างไร? เพราะแม้แต่เจ้าของจรวด “Taurus” แห่งเยอรมนีนั้น...ได้หันไปลื่นไถล แฉลบออกข้าง และจุ๊กกรู๊ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังที่รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี “นายBoris Pistorius” ได้ออกมาป่าวประกาศไว้เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 พ.ย.) ว่าถึงแม้คุณพ่ออเมริกาจะหันไปอนุมัติให้ยูเครนใช้จรวดอเมริกายิงเข้าไปในดินแดนรัสเซียก็ตาม แต่ “พรมเช็ดเท้า” อย่างเยอรมนีคงไม่คิดจะเอาด้วย หรือ “ไม่เห็นควรด้วย” ที่จะส่งมอบจรวดเยอรมนีให้ยูเครนไว้ใช้ยิงรัสเซีย อาจเพราะไม่อยากจะ “ด้วน” หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะคิด ส่วนบรรดาเราๆ-ทั่นๆ หรือบรรดาชาวโลกทั้งหลาย คงไม่น่าจะทำอะไรได้มากมาย นอกจากต้องเริ่ม “สวดมนต์-ภาวนา” ให้มากๆ เข้าไว้นั่นแหละดี...
ที่มา : MgrOnline