* โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอจัดตั้ง “สภาที่ปรึกษาคริปโต” * บริษัทคริปโตชั้นนำในสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันเพื่อเข้าร่วมสภาฯ * สภาฯ คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายคริปโตในอนาคต * การแข่งขันสะท้อนถึงความสำคัญของอิทธิพลทางการเมืองในอุตสาหกรรมคริปโต
บริษัทคริปโตชั้นนำในอเมริกากำลังแย่งชิงที่นั่งใน “สภาที่ปรึกษาคริปโต” ที่ทรัมป์เสนอจัดตั้งและคาดว่า จะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดัน “คลังสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์” ที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า จะพาราคาบีทีซีทะยานแตะ 500,000 ดอลลาร์ หรือแม้กระทั่งทะลุ 1 ล้านดอลลาร์ในรอบตลาดนี้

แม้สภาที่ปรึกษาประธานาธิบดีไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สภาที่ปรึกษาด้านคริปโตโดยเฉพาะไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งสะท้อนวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมนี้นับจากที่บิตคอยน์แจ้งเกิดในปี 2008

คริสติน สมิธ ซีอีโอสมาคมบล็อกเชน ย้ำความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาคริปโต และสำทับว่า นี่คือสิ่งที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถทำได้อย่างรวดเร็วมาก
ตามรายงานของรอยเตอร์ สภาที่ปรึกษาคริปโตจะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับนโยบายคริปโต และทำงานร่วมกับรัฐสภาในการร่างกฎหมายควบคุมอุตสาหกรรมนี้ โดยสภานี้อาจอยู่ภายใต้สังกัดสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาวหรืออาจดำเนินการอิสระ

นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มว่า สภาที่ปรึกษาคริปโตจะทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (เอสอีซี) คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ซีเอฟทีซี) และกระทรวงการคลัง เพื่อร่างนโยบายคริปโตและปรับปรุงความพยายามในการบังคับใช้

แหล่งข่าววงในเผยว่า บรรดาบริษัทคริปโตใหญ่ที่มีฐานอยู่ในอเมริกาซึ่งรวมถึงคอยน์เบส, พาราไดม์, a16z ของอันเดรสเซน โฮโรวิตซ์, ริปเปิล, คราเคน และเซอร์เคิล ต่างต้องการที่นั่งในสภาที่ปรึกษาคริปโต เพื่อมีส่วนร่วมในการยกเครื่องนโยบายคริปโตของคณะบริหารชุดใหม่

นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ทีมงานของทรัมป์กำลังพิจารณาแต่งตั้ง “crypto czar” ซึ่งแหล่งข่าวคนหนึ่งบอกว่า อาจทำหน้าที่ประธานสภาที่ปรึกษาคริปโต โดยแคนดิเดตสำคัญ ได้แก่ ฮีธ ทัลเบิร์ต อดีตประธานซีเอฟทีซี, ไบรอัน ควินเทนซ์ อดีตสมาชิกซีเอฟทีซี และคริสโตเฟอร์ จิอันคาร์โล อดีตประธานเอสอีซี
ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้มีขึ้นขณะที่ทรัมป์ให้สัญญาว่า จะยกเลิกนโยบายคุมเข้มของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะหมดวาระ และคาดว่า ทรัมป์ 2.0 จะให้ความสำคัญกับคำสั่งฝ่ายบริหารที่รับประกันว่า บริษัทคริปโตจะสามารถเข้าถึงบริการการธนาคาร และกำหนดให้คริปโตเป็นสินทรัพย์เศรษฐกิจเชิงยุทธศาสตร์

ขณะเดียวกัน มีข่าวว่า เดนนิส พอร์เตอร์ ผู้ก่อตั้งซาโตชิ แอกต์ ฟันด์ กำลังเร่งหารือเรื่องการเสนอกฎหมายคลังสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์ในรัฐเทกซัส หลังจากเมื่อกลางเดือนได้ผลักดันผ่านไมค์ คาเบลล์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการเสนอกฎหมายจัดตั้งคลังสำรองบีทีซีในรัฐเพนซิลเวเนียด้วยเงิน 7,000 ล้านดอลลาร์จากกองทุนของรัฐ
พอร์เตอร์ยังอ้างว่า มีแนวโน้มว่า อีกกว่า 10 มลรัฐจะเจริญรอยตามเพนซิลเวเนีย โดยอาจเริ่มจากเทกซัส และก่อนหน้านี้เขายังให้สัมภาษณ์กับคริปโตสเลตว่า รัฐบาลของรัฐต่างๆ กำลังเร่งผ่านกฎหมายจัดตั้งคลังสำรองบิตคอยน์

ทั้งนี้ ไอเดียคลังสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นหลังจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์เมื่อต้นเดือน โดยระหว่างหาเสียงเขาประกาศจุดยืนสนับสนุนคริปโต และให้สัญญาตั้งคลังสำรองบิตคอยน์

ไอเดียนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างรวดเร็วจากซินเธีย ลัมมิส วุฒิสมาชิกโปรคริปโตที่ก่อนหน้านี้เสนอร่างกฎหมายบิตคอยน์ และเชื่อว่า ทรัมป์จะอนุมัติภายใน 100 วันแรกที่กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว
จุดยืนสนับสนุนคริปโตของทรัมป์หนุนราคาบิตคอยน์พุ่งไม่หยุดนับตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง และล่าสุดเมื่อวันศุกร์ (22 พ.ย.) อยู่ห่างจากหลักแสนดอลลาร์แค่เอื้อม
อดัม แบ็ก ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอบล็อกสตรีม ผู้สร้างสกุลเงินดิจิทัล แฮชแคช และหนึ่งในนักวิทยาการเข้ารหัสที่โดดเด่นที่สุดในวงการคริปโต ชี้ว่า การที่อเมริกาซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก มีแผนตั้งคลังสำรองบีทีซีสร้างความตื่นเต้นอย่างกว้างขวางและอาจปูทางบิตคอยน์ทะยานเหนือระดับ 1 ล้านดอลลาร์ในรอบตลาดนี้

อนาสตาซิยา พลอตนิโควา ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอฟิเดียม เห็นด้วยว่า ข้อเสนอสร้างคลังสำรองบิตคอยน์ได้รับการสนับสนุนท่วมท้นเนื่องจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์และการที่รีพับลิกันจะได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มว่า ข้อเสนอนี้จะดึงดูดนักลงทุนประเภทสถาบันอย่างกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติเข้าหาบิตคอยน์มากขึ้น และอาจขับเคลื่อนราคาบีทีซีแตะ 500,000 ดอลลาร์ รวมทั้งยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของทรัมป์ในการทำให้อเมริกากลายเป็นผู้นำโลกในด้านนวัตกรรมคริปโต

ที่มา : MgrOnline