“ ได๋ ไดอาน่า” ตกใจ กฎกติกาใหม่พิธีกร ยอดฟอลฯ ไม่ถึง 5 แสนถึงล้าน เท่ากับไม่ดัง ลูกค้าไม่จ้าง!

เผยแพร่ : 23 พ.ย. 2567 21:05:27
X
• เห็นเป็นกรณีศึกษาของวงการบันเทิงยุคใหม่ ต้องปรับตัวตามทัน
• ได๋ ยอมรับเคยถูกทักว่าไม่มีเงินใช้ แต่ยืนยันมีรายได้ต่อเนื่องแม้ไม่ดังมาก
• ได๋เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับตัว มิเช่นนั้นอาจต้องอยู่บ้าน

“ได๋ ไดอาน่า” ตกใจ กติกาใหม่พิธีกรต้องมียอดฟอลฯ 5 แสน ลั่นเป็นกรณีศึกษาโลกใหม่ของวงการบันเทิง ต้องปรับวิถีชีวิตตัวเองให้ทันยุคสมัย ไม่ปรับตัวก็อยู่บ้าน เผยเคยถูกคนในวงการทักไม่มีเงินใช้ บอกถึงไม่ดัง แต่เงินเข้าทุกวัน ถึงไม่ดังแต่คิวไม่เคยว่าง

เปิดโลกใหม่สำหรับ “ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ” หลังจากที่ถูกออแกไนเซอร์โทร.มาถามเรื่องยอดฟอลโลว์ว่ามีเท่าไหร่ เพราะสมัยนี้ หากไม่ถึง 5 แสน หรือไม่ถึงล้านถือว่าไม่ดัง ลูกค้าไม่จ้าง ซึ่งได๋ได้เผยในติ๊กต๊อกว่าตนไม่ดัง ไม่ต้องจ้างก็ได้ แต่ตอนนี้งานเยอะอยู่แล้ว ล่าสุดได๋ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ในงาน PHENIX ร่วมกับ KTC จัดกิจกรรม “อร่อยฟิน บินได้” โครงการ PHENIX ประตูน้ำ ลั่นเหมือนเป็นการศึกษาโลกใหม่ของวงการบันเทิงเหมือนกัน ส่วนตัวเองก็ต้องปรับตัวให้ทันตามยุคตามสมัย

“เนื้อหาตามคลิปเลย ที่มีออแกไนซ์ติดต่อมา เขาบอกว่าต้องการพิธีกรก่อน ที่มียอดฟอลโลว์ 500,000 ขึ้นไป เอาอย่างนี้นะคะ กติกาใหม่ ของโลกใหม่ ในยุคที่โซเชียล ต้องใช้คำว่าครองเมือง กติกาใหม่นี้ การที่เขาจะจ้างพิธีกร ผู้ติดตามต้องเกิน 500,000 ขึ้นไป มันมีหลายหน่วยงาน ที่ต้องอิงตามกติกานี้ ซึ่งออแกไนเซอร์ที่ติดต่อมา เขาก็น่ารักสำหรับเรา เขาก็ดูทุกแพลตฟอร์มของเรา เขาก็จะช่วยรวมยอดฟอลโลว์ให้เรา เราบอกว่ายอดไม่ถึงตามที่เขาต้องการ เขาก็ขอโทษเรา เขาก็บอกว่า ลูกค้าต้องการยอดฟอลฯ มากกว่า 500,000 ขึ้นไป”

ตกใจเป็นครั้งแรกที่ได้ยิน แต่เป็นกรณีศึกษา โลกใหม่ของวงการบันเทิง ต้องปรับวิถีชีวิตตัวเองใหม่ให้ทันยุคสมัย
ถามว่าตกใจไหม เราตกใจ ครั้งแรกในการได้ยิน แต่เผอิญว่า ไม่ใช่บริษัทออแกไนเซอร์บริษัทนี้เป็นบริษัทแรก เพราะก่อนหน้านี้อีกสองบริษัทที่ติดต่อมา เป็นคนฮ่องกง และมีคนสิงคโปร์ ซึ่งมันเป็นกติกาสากล ซึ่งการเป็นพิธีกรบนเวที เขาเรียกว่า เป็นพรีเซนเตอร์ รวมไปถึงอินฟลูฯ จะต้องมียอดฟอลฯ เกิน 500,000 ขึ้นไป เท่านั้น (เขาไม่ดูโปรไฟล์อย่างอื่นเลย?) ไม่ดูเลย ตอนนี้เป็นพิธีกรอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ซึ่งในกรณีนี้ มันมองได้สองแบบนะ ในสมัยนี้ แขกที่มาร่วมงาน ก็คือต้องเป็นอินฟลูฯ ในโซเชียลด้วย อันนี้เหมือนเป็นการศึกษา ในโลกใหม่ของวงการบันเทิงเลยนะ เข้าใจก่อนว่าในงานวันนั้น เราอยู่ในฟังก์ชั่นอะไร เราเป็นแค่พิธีกรอย่างเดียว หรือเราเป็นพิธีกรบวกโซเชียลมีเดียให้กับลูกค้า แน่นอนถ้าเป็นแพ็กเกจแบบหลัง ราคามันก็จะเพิ่มมากขึ้น

เพราะเราได้รับโจทย์มาแบบนี้ เราไม่ได้มีคำถามเกี่ยวกับการเป็นพิธีกรของเรา เพราะอาชีพพิธีกรที่ผ่านมา มันก็ต้องมีเครื่องหมายการันตี แต่จะมีคำถามเกี่ยวกับวิธีการประกอบอาชีพของเราเริ่มมี คือก่อนหน้านี้ เราอาจจะไม่ได้ไลฟ์สดหรือว่าอะไร การไม่มีรูปลงสื่อ ลงในแพลตฟอร์มของเรา เขาจะมองว่าเราไม่มีงาน ทั้งๆ ตรงกันข้าม เราทำงานตลอดเวลา ก็เลยต้องปรับวิถีตัวเองใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย”

“ไม่ดัง แต่ตังค์เข้าทุกวัน” หลังถูกคนในวงการถามทำงานอะไร มีเงินใช้หรือเปล่า
“ก็คือเดี๋ยวเม้าธ์เบาๆ รู้แล้วเหยียบตรงนี้นะ บางทีเราไปงาน เราก็จะไปเจอคนในวงการ เขาอาจจะไม่ได้ติดตามเรามากสักเท่าไหร่นะ เขาก็จะเรียกเราไปคุยข้างๆ เวทีว่า ช่วงนี้ทำงานอะไร มีเงินใช้หรือเปล่า ไม่ค่อยเห็นออกสื่อเลย เราก็บอกว่า มีงาน เพียงแต่ว่างานเราไม่ได้อยู่หน้าสื่อตลอดเวลา เราทำอาชีพพิธีกร เราไม่ใช่ดารา แต่ไม่ได้อยู่ในสื่อเยอะแยะ ซึ่งเราก็ไม่อยากจะใช้คำว่า ไม่ดัง แต่ตังค์เข้าทุกวัน ซึ่งตอนนี้ มันเลยทำให้ความคิดของเราเปลี่ยนไป ทุกวันนี้ถ่ายรูป ทำคลิป ลงทุกแพลตฟอร์ม

ถามว่าตกใจไหม กับการที่เขาทักว่าไม่มีเงินใช้ เราคิดว่าเขาเป็นห่วงเรา ซึ่งเราไม่มีขาลงและขาขึ้น มีแต่ขาใหญ่กับขาเล็ก กินเยอะก็ขาใหญ่ กินน้อยก็ขาเล็ก แต่ด้วยความที่งานของเรา ไม่ได้เป็นดารา เราเป็นแค่พิธีกร ก็เลยไม่รู้ว่าต้องดังยังไง เราไม่ใช่คนดัง แต่ไปไหน ทุกคนก็รู้จัก เพราะเจอกันมานาน ฟีลเพื่อน ม่วนจอย ไม่ดังแต่คิวก็ไม่ว่าง โทษที หรือฟอลโลว์ไม่เยอะ แต่คิวไม่ได้เลย”

พร้อมปรับตัวตลอดเวลา ไม่ปรับก็อยู่บ้าน ทำอาชีพเดียวก็ไม่เพียงพอแล้ว
“ซึ่งสิ่งที่มันเกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลต่อการทำงาน แต่มันส่งผลต่อวิถี อย่างเราคุยกับพี่ๆ ในวงการ ถ้าเราไม่ปรับตัว เราอาจตายได้ ในยุคที่โซเชียลมีเดีย มันคืออันดับหนึ่ง ถ้าเรายังคิดว่า เราคือตัวจริง เรานัมเบอร์วัน คิดแบบนี้ เชิญไปข้างหลังได้เลย เราต้องพร้อมปรับตัวตลอดเวลา อย่าให้คอมเมนต์ต่างๆ มันทำให้เรารู้สึกว่า ขาขึ้น ขาลง มันไม่มีอัตตาอะไร ทำงาน รับเงินกลับบ้าน จบ และอะไรที่สังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว เราก็ต้องปรับตัวตามไป เพราะถ้าเราไม่ปรับ ก็อยู่บ้านไป แต่เอาจริงๆ นะ มันเป็นสิ่งที่ดี เพราะเรามาทำโซเชียลมีเดียมากขึ้น มันมีอะไรสนุกๆ ให้เราทำตั้งเยอะแยะ

อย่างเมื่อวาน ไปทำพิธีกร ลูกค้าถามว่าสามารถร้องเพลงด้วยได้ไหม เงินมางานเดินค่ะ หรือเงินเกินงานเนี้ยบ ตอนนี้ทำอาชีพเดียว ไม่เพียงพอแล้ว ล่าสุดรอลูกค้าคอนเฟิร์มในเดือนหน้า เป็นงานพิธีกร และเป็นแขกรับเชิญด้วย ซึ่งเราก็สามารถทำได้ ตอนแรกเราก็งง แต่ลูกค้าบอกว่า เราสามารถเป็นแขกรับเชิญได้ด้วย เป็นการสัมมนา เขาถามว่าเราทำได้ไหม เศรษฐกิจแบบนี้ เราทำได้ ไม่ติดค่ะ ตอนนี้เรารับทุกงานค่ะ รับหมดที่ได้เงิน เพราะว่าร้อน ที่ไม่ใช่อากาศค่ะ”





ที่มา : MgrOnline