สรุปข่าวสำคัญ: * มีคลิปเสียงพระปีนเสาสนทนากับเจ้าอาวาสวัดเขากวาง * คลิปเสียงเผยมีเจ้าหน้าที่รัฐโทรมากดดัน * นายกสมาคมไวยกรฯ เตรียมร้องสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตั้งกรรมการสอบ * เจ้าคณะตำบลท่าช้างอาจรู้เห็นกับพระปีนเสา
นครปฐม - หลุดคลิปเสียงพระปีนเสา สนทนาเจ้าอาวาสวัดเขากวาง เผยมีเจ้าหน้าที่รัฐโทร.มากดดัน ด้ายนายกสมาคมไวยาวัจกรเตรียมเดินหน้าให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าคณะตำบลท่าช้าง หลังทราบมีการรู้เห็นกันกับพระปีนเสา อีกส่วนชาวบ้านฮือไม่เอาพระปีนเสาเข้าวัด

วันนี้ (23 พ.ย.) กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง สำหรับพระครูปลัดธีรธนัช เมตตฺตธมฺโม หรือพระครูปลัดธีระ ฉายาฉาว "พระปีนเสา" ซึ่งได้มีการย้ายสังกัดเข้าวัดเขากวาง ตำบลท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เย้ยการทำงานของคณะสงฆ์ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งได้มีพฤติกรรมเข้าข่ายโลกติเตียนหลายครั้ง ล่าสุด ได้ถูกชายบุกกระโดดถีบที่สถานีโทรทัศน์หลังไปออกอากาศร่วมกับอาจารย์เบียร์คนคนตื่นธรรม เมื่อวานนี้

โดยประเด็นดังกล่าว นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ทนายความ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นหลังจากมีประเด็นใหม่ ซึ่งมีคลิปเสียงเป็นชายสองคนคุยกัน และคาดว่าจะเป็นการบันทึกเทปของพระปีนเสา ที่ได้มีการพูดคุยเจรจากับเจ้าอาวาสวัดเขากวาง จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมีเนื้อหาทำนองถูกกดดันจากหน่วยงานรัฐ ไม่ให้รับพระปีนเสาเข้าสังกัด




นายศุภภัทร์พจน์ "ทนายพจน์" กล่าวว่า จากคลิปเสียงการสนทนาที่ถูกปล่อยในโลกโซเชียล ซึ่งไม่ทราบว่าใครเป็นมือดีปล่อยคลิปเสียง จะมีการสังเกตว่าเป็นการสนทนาของพระปีนเสา และเจ้าอาวาสวัดเขากวาง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลท่าช้าง ในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งได้มีการระบุว่าถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่ง ตนได้ฟังเสียงดังกล่าวแล้วชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ที่ได้โทร.ประสานไปยังเจ้าอาวาสวัดเขากวางไม่ได้มีการกดดันการทำงานของท่านแต่อย่างใด และเป็นการทำงานไปตามปกติ

ทนายพจน์ กล่าวต่อไปว่า ฟังจากน้ำเสียงและข้อมูลของการสนทนาที่แกะออกมาแล้วผมมีความเห็นว่าการที่ทั้งคู่ได้มีการหารือกันซึ่งสรุปว่าจะมีการดูแลปกครอง โดยมีการทำหนังสือออกมาให้มีการกลับเข้าสังกัดวัดภายใน 3 วันนั้น ถือเป็นการลดกระแสสังคมและแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีความจริงใจในการสั่งการที่จะควบคุมพฤติกรรมที่พระปีนเสา จะได้ก่อขึ้นในอนาคตอีก

"ผมมองว่าตอนนี้เราต้องมองในประเด็นอีกมุมมองหนึ่งที่พระปีนเสา ต้องการจะทำประชาสัมพันธ์ตัวเอง ด้วยการระดมทุนเงิน 20,000 ล้านบาท ในการสร้างศูนย์การเรียนรู้ทางด้านพระพุทธศาสนาตามที่อ้างไว้ เพราะการบุกไปที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และกองปราบปราม จะมีแต่พูดเน้นไปในเรื่องนี้เป็นหลัก และพฤติกรรมนี้จะทำเพียงคนเดียวไม่ได้ เนื่องจากจะเห็นมีทนายความ และมีนายทุนชักใยอยู่เบื้องหลังเบื้อง ให้พระปีนเสา ออกหน้า ซึ่งเป็นการทำโฆษณาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่เป็นการส่งผลกระทบทางด้านผลเสียถึงพระภิกษุของเราเป็นอย่างมาก" ทนายพจน์ กล่าว

ทนายพจน์ กล่าวต่อไปอีกว่า ในอนาคตเมื่อกระแสสังคมและสื่อลดการให้ความสำคัญของพระปีนเสาเนื่องจากกระทำไปแล้วประชาชนและคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยจะเปรียบเป็นการขุดหลุมฆ่าตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่พระปีนเสา ได้ถูกขับออกมาจากวัดทั้งหมดแล้ว 5 ครั้ง ซึ่งวัดสามชุกในจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นวัดสุดท้ายที่มีการขับให้พ้นวัด และการที่เจ้าอาวาสวัดวังกวาง ตำบลท่าช้าง ได้แสดงตัวชัดเจนในการอุ้มพระปีนเสาเอาไว้ ทำให้เห็นชัดว่าทั้งสองคนนี้รู้เห็นเป็นใจซึ่งกันและกัน และมีความสนิทสนมกันมาก่อน โดยมองว่าเจ้าคณะตำบลท่าช้างกระทำโดยไม่เหมาะสม และที่ผ่านมา ข้อกล่าวหาต่างๆ พระปีนเสาไม่เคยถูกตั้งอธิกรณ์ ในการสอบสวนการกระทำความผิดเลยสักครั้ง

"ตอนนี้ผมได้มีการร่างหนังสือขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระปีนเสา และท่านเจ้าคณะตำบลท่าท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรีไว้แล้ว ซึ่งมีหลายเหตุการณ์ที่มีการปรากฏชัดเจนแต่ปี 2561 นี่คือการปีนเสา รวมถึงล่าสุดมีการตรวจค้นสำนักปฏิบัติธรรมพุทธะชยันตรี 2600 ปี ที่จังหวัดนครปฐมเป็นสำนักปฏิบัติธรรมเถื่อน โดยเจ้าตัวยังมีคดีติดตัวในเรื่องการสืบพยานก่อนฟ้อง และถูกแจ้งข้อกล่าวหา พ.ร.บ.คนเข้าเมือง แต่ไม่เคยมีการถูกตั้งอธิกรณ์สอบให้ชัดเจนว่ามีความผิดหรือไม่" ทนายพจน์ กล่าวชี้ให้เห็นถึงปัญหา

โดยในเรื่องนี้ตนจะนำเรื่องข้อสงสัยต่างๆ ร้องท่านเจ้าคณะตำบลท่าช้าง ว่าเสียงในคลิปโทรศัพท์เป็นเสียงของท่านหรือไม่ การที่มีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติโทร.ไปหาเป็นการกดดันจริงหรือไม่ ซึ่งหากท่านไม่มีเจตนาที่จะควบคุมดูแลพฤติกรรมของพระปีนเสา อย่างชัดเจน จะผิดหลักจริยา พระสังฆธิการหรือไม่ ส่วนพระปีนเสา ตนจะยื่นให้ตรวจสอบและแต่งตั้งอธิกรณ์ว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่ควรให้สละสมณเพศ และขอให้ลงเป็นนิคหกรรรม ที่ชัดเจนต่อไป ยิ่งมีกระแสว่าชาวบ้านในตำบลท่าช้างไม่พอใจและไม่ตอบรับที่จะมีพระปีนเสามาไม่อยู่ในพื้นที่ในฐานะเจ้าอาวาสท่านจะตอบสังคมว่าอย่างไรด้วย


ที่มา : MgrOnline