บช.น.สรุปไทม์ไลน์คดี "หมอบุญ" ผุดโครงการทิพย์ตุ๋นเหยื่อ เปิดคำพูด-พฤติการณ์หลอกลงทุน
เผยแพร่ : 23 พ.ย. 2567 15:44:19
• อธิบายพฤติการณ์และคำพูดของหมอบุญที่ทำให้เหยื่อหลงเชื่อลงทุน
• มีผู้เสียหายแจ้งความแล้วกว่า 500 คดี
• ตำรวจเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาโอนคดีให้ บช.ก.ดำเนินการต่อไป
MGR Online-รอง ผบช.น.สรุปไทม์ไลน์คดี "หมอบุญ" หลอกลงทุน เสียหาย 7.5 พันล้าน เปิดคำพูดและพฤติการณ์จนเหยื่อหลงเชื่อ เผยตัวเลขแจ้งความ 500 คดี เร่งรวบรวมหลักฐานเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาให้ บช.ก.ดำเนินการต่อ ล่าสุดเมีย-ลูกสาวมอบตัวที่ บช.น.แล้ว
วันนี้ (23 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเครือข่าย นายแพทย์บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ อายุ 86 ปี หลอกลวงผู้เสียหายลงทุนเสียหาย 7,500 ล้านบาท ว่า สรุปไทม์ไลน์ ดังนี้ เดือน ธ.ค. 2566 ผู้เสียหายแจ้งความ สน.ห้วยขวาง 1 คดี, เดือน พ.ค. 2567 เป็นต้นมา แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 6 คดี, เดือน มิ.ย.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 8 คดี, เดือน ก.ค.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 49 คดี ต่อมาคดีเริ่มมีความซับซ้อนยุ่งยากและมีผู้เสียหายมากขึ้น ในห้วงตั้งแต่เดือน ส.ค.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 75 คดี เดือน ก.ย.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 84 คดี เดือน ต.ค.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 60 คดี เดือน พ.ย.แจ้งความ สน.ห้วยขวาง 66 คดี รวมแล้วประมาณ 500 คดี
พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง รับคำร้องทุกข์ไว้เบื้องต้นเป็นเรื่อง พ.ร.บ.เช็ค รายละเอียดที่ผู้เสียหายมาแจ้งคือ มีตัวแทนโบรกเกอร์ติดต่อลงทุนร่วมกับทาง หมอบุญ กับพวก โดยอ้างว่าเป็นการระดมลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการด้วยกัน หากร่วมลงทุนแล้วผู้ร่วมลงทุนในปี 2566 จะได้กำไร 700 ล้านบาท ปี 2567 ได้กำไร 1,000 ล้าน ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ. 2566 ปรากฏว่า หมอบุญ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเองโดยการออกสื่อทางเว็บไซต์ การให้สัมภาษณ์ลงสำนักพิมพ์ รวมถึงการบอกข่าวผ่านคนรอบตัว ครอบครัว พนักงาน โบรกเกอร์ซึ่งเป็นตัวแทนแจ้งกับนักลงทุน โดยอ้างว่าตัวเองมีบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนถูกต้องในตลาดหลักทรัพย์ การร่วมลงทุนดังกล่าวจะให้ค่าตอบแทนสูงกว่าสถาบันการเงินประชาชนที่ติดตามข่าวจึงหลงเชื่อ
ในการทำหนังสือสัญญาโครงการดังกล่าวเป็นสัญญากู้ยืมเงิน โดยให้ดอกเบี้ยกับผู้ลงทุนและจ่ายเช็คให้กับผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ รวมทั้งจ่ายเช็คล่วงหน้าเป็นค่าดอกเบี้ย โดย หมอบุญ เป็นคนลงชื่อในเช็คดังกล่าว ภรรยาและลูกเป็นผู้ค้ำประกันเซ็นหลังเช็ค เป็นการยืนยันถ้าถูกฟ้องภรรยากับลูกเป็น 1 ในลูกหนี้ด้วย ในช่วงแรกมีการชำระดอกเบี้ยบางส่วนให้กับบางคน ต่อมาไม่จ่ายเลยผู้เสียหายขอเงินต้นก็ไม่คืนให้ เช็คเมื่อถึงเวลาการชำระผู้เสียหายเอาไปขึ้นธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ต่อมาวันที่ 29 ก.ย. ปรากฏว่า หมอบุญ เดินทางออกไปต่างประเทศ เวลา 14.25 น. เส้นทางกรุงเทพฯ-ฮ่องกง พฤติการณ์เข้าข่ายหลบหนี จากการตรวจสอบโครงการที่กล่าวอ้างไม่มีอยู่จริง ภายหลังผู้เสียหายพยายามติดตามทวงเรื่องดอกเบี้ยและเงินต้น ปรากฏว่าถูกเบียดบังเอาทรัพย์สินไปทั้งหมด
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง จึงทำหนังสือมายัง บช.น.พฤติการณ์เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.จึงมอบหมายตนและ พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น.ตั้งคณะพนักงานสอบสวนดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. จนทราบว่า หมอบุญ เป็นตัวการในการออกโครงการ คิดเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน การร่างสัญญา เป็นผู้ลงมือจ่ายเช็คทั้งหมดและได้รับประโยชน์ไป ส่วนภรรยากับลูกเป็นผู้ร่วมในเรื่องสัญญาเงินกู้ และสลักเช็คด้านหลังเป็นการค้ำประกัน ขณะที่เลขา 2 คน เป็นคนทำสัญญาและลงลายชื่อเป็นพยาน เชื่อว่าได้รับผลประโยชน์แน่นอน กลุ่มโบรกเกอร์เป็นการนำเสนอข้อมูลการลงทุน ชักชวนการลงทุน และได้เปอร์เซ็นจากการที่มีผู้ร่วมลงทุน พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ
โดยตัว หมอบุญ ถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน" ในส่วนผู้ต้องหาอีก 8 คน ได้ยื่นคำร้องขอหมายจับข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน" กระทั่งวันที่ 22 พ.ย. ศาลได้อนุมัติหมายจับสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย ส่วนอีก 3 ราย ประกอบด้วย หมอบุญ เชื่อว่าอยู่ต่างประเทศ ส่วนภรรยาและลูกสาวล่าสุดเข้ามอบตัวแล้ว
ตำรวจได้ทำการตรวจยึดโมเดลต่างๆ ที่เป็นโครงการ สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาจ่ายเช็ค รวมถึงโฉนดอยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหรือไม่ จากการตรวจสอบข้อมูลทรัพย์สิน หมอบุญ มีรถยนต์ทั้งหมด 19 คัน ที่ดิน 21 แปลงอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าได้มาหลังปี 2566 หรือไม่ ทั้งนี้ เนื่องด้วยเป็นคดีที่ยุ่งยากซับซ้อนและมีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมทั้งมีการทำสัญญาหลายพื้นที่เข้าเงื่อนไขตามคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่า คดีดังกล่าวอยู่ในอำนาจการสอบสวนของ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และเป็นความผิดตามบัญชีท้ายประกาศ กคพ.ของดีเอสไอ เรื่อง กำหนดรายละเอียดลักษณะความผิดที่เป็นคดีพิเศษ พนักงานสอบสวน บก.น.1 จะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดแล้วยื่น ผบช.น.และ ผบ.ตร.เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนนี้ต่อไป
ขณะนี้ในการติดตาม หมอบุญ บช.น.ได้ออกหมายแดงโดยประสานไปยัง กระทรวงการต่างประเทศ เบื้องต้นทราบว่าเดินทางจากฮ่องกงไปที่จีน อยู่หว่างประสานการจับกุมเพื่อดำเนินคดี ส่วนข้อหาฟอกเงินอยู่ระหว่างขยายผลสอบสวน
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของหมอบุญ และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของหมอบุญ พร้อมทนายความเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ บช.น.ตามหมายจับข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน" โดยทั้ง 2 คนไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน มีเพียงนายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความทนายความของทั้งสองคน ที่เปิดเผยสั้นๆ ว่า "เดินทางมามอบตัวตามหมายจับ และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกล่าวอ้างทำโครงการต่างๆ และไม่ได้มีการเซ็นสลักหลังเช็คตามที่มีการกล่าวหา และอ้างว่าถูกปลอมลายเซ็นด้วย"
ที่มา : MgrOnline