“ประเสริฐ” ลั่น ดีอีทำงานเชิงรุกร่วม 12 หน่วยงาน ป้องกันภัยออนไลน์ ตั้งเป้าปี 69 ของบกลางให้ทุกกระทรวง-หน่วยงานใช้ระบบคลาวด์ภาครัฐ

เผยแพร่ : 23 พ.ย. 2567 12:46:37
X
• ดีอีตั้งเป้าปี 2569 ให้ทุกกระทรวง/หน่วยงานใช้ระบบคลาวด์ภาครัฐ
• การใช้ระบบคลาวด์เน้นเอกสารดิจิทัลเพื่อลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความโปร่งใส และตรวจสอบได้

“ประเสริฐ” ชี้ ดีอีทำงานเชิงรุกร่วม 12 หน่วยงาน ให้ความรู้ประชาชนป้องกันภัยออนไลน์ ตั้งเป้าปี 69 ของบกลางให้ทุกกระทรวง-หน่วยงาน ใช้ระบบคลาวด์ภาครัฐ เน้นเอกสารดิจิทัล ลดค่าใช้จ่ายโปร่งใส ตรวจสอบได้

วันที่ 23 พ.ย. 67 ที่ จ.นครราชสีมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่เทศบาลเมืองปากช่อง จ.นครราชสีมา ตรวจโครงการขับเคลื่อนและส่งเสริมการใช้ระบบงานระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Office) ผ่านระบบคลาวด์ภาครัฐ การนำระบบ e-document มาใช้ในหน่วยงาน โดยไม่ใช้กระดาษเพื่ออำนวยความสะดวกด้านเอกสารโดยใช้ระบบดิจิทัลให้กับประชาชน ขับเคลื่อนไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ตามนโยบายรัฐ
พร้อมกล่าวว่า ได้เดินทางมาเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานอาจมีข้อสงสัยอยู่บ้างจะส่งทีมงานของกระทรวงดิจิทัลมาเป็นพี่เลี้ยงให้ ซึ่งเทศบาลเมืองปากช่องได้เริ่มทำเอกสารแบบอิเล็กทรอนิกส์แล้วในอนาคตจะเป็นต้นแบบให้กับเทศบาลหลายแห่งดำเนินการตาม ในส่วนข้อกฎหมายจะมีการทำความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเรื่องความปลอดภัยของเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร

ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลดิจิทัล ถือว่ามีความก้าวหน้าเป็นไปตามเป้าหมายและในอนาคตถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก ที่จะให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้

ทั้งนี้ ในเรื่องงบประมาณของรัฐบาลที่จะสนับสนุนการใช้คลาวด์ของทุกกระทรวงหน่วยงานภาครัฐ ก่อนเดือนมกราคมนี้ ตนจะหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อพูดคุยถึงการตั้งงบประมาณปี 2569 ที่เหมาะสมเกี่ยวกับการใช้คลาวด์ของหน่วยงานภาครัฐจะเป็นอย่างไรว่าจะตั้งที่กระทรวงหรือส่วนกลางรวมทั้งหมด ซึ่งขณะนี้มีการเก็บข้อมูลความต้องการการใช้คลาวด์ของทั้งประเทศเพื่อมาบริหารงานให้ถูกต้อง

รัฐมนตรีดิจิทัล มั่นใจเรื่องการใช้คลาวด์มีการดูแลเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลนั้นทำได้ดี และมีมาตรฐานเดียวกันจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกหน่วยงานและในอนาคตมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านทางคลาวด์ และ AI ก็จะทำได้สะดวกและง่ายขึ้น เป็นการลดค่าใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ และการจัดซื้อจัดจ้างจะเป็นมาตรฐานเดียวกัน

ส่วนปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และภัยออนไลน์ จะให้ความรู้ประชาชนเป็นการทำงานเชิงรุกอย่างไร นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงได้ทำ MOU กับ 12 หน่วยงานเกี่ยวกับการทำประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสารเตือนภัยพี่น้องประชาชนให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์การหลอกลวงทางออนไลน์ ทั้งนี้ มีศูนย์บริการรับเรื่องร้องเรียนออนไลน์ AOC1441เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจพร้อมทั้งมีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประชาสัมพันธ์ทางสื่อและโซเชียลต่างๆ พร้อมกับตั้งงบประมาณสร้างความรู้ความเข้าใจขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนเกี่ยวกับภัยทางออนไลน์

โดย นายประเสริฐ ระบุว่า มีหลักคิดอยู่ 3 เรื่อง คือ การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ,ความมั่นคงและปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งเรามีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง PDPA ความปลอดภัยทางไซเบอร์และแพลตฟอร์มต่างๆ และอีกเรื่องที่สำคัญคือการพัฒนาความรู้ให้กับประชาชนเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวง

พร้อมตั้งเป้าหมายในปี 2569 ให้ทุกหน่วยงานใช้ ระบบ e-document ใช้ทั้งหมด ซึ่งมีการขับเคลื่อนในระดับชาติแล้วท้องถิ่นจะเดินควบคู่ไปด้วยกันเพื่อนำไปสู่รัฐบาลดิจิทัล ไม่เพียงแค่ระบบ e-document ยังมีเรื่อง AI Data Center และ GDCC ระบบคลาวด์กลางภาครัฐ รัฐบาลมีนโยบายสมาร์ทซิตี้ สร้างพื้นที่ความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งเมืองท่องเที่ยวและเมืองใหญ่เพื่อให้เป็นเมืองเป้าหมายให้กับนักท่องเที่ยว

ที่มา : MgrOnline