2 บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ไทย-จีน ร่วมพัฒนาโรงผลิตไฟฟ้าขยะชุมชนด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของโลก
เผยแพร่ : 22 พ.ย. 2567 17:25:26
• ขนาดโรงไฟฟ้าไม่เกิน 10 เมกะวัตต์
• ใช้เทคโนโลยีการเผาขยะแบบหมุน 360 องศา (อ้างว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของโลก)
• เน้นการเผาขยะคุณภาพสูงหลังกระบวนการผลิต
กาญจนบุรี - สองบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ ไทย-จีน จับมือพัฒนาโรงผลิตไฟฟ้าขยะชุมชนขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของโลก เป็นการเผาขยะด้วยระบบแกนการหมุน 360 องศา ทำให้การเผาขยะมีคุณภาพสูงสุด หลังเสร็จสิ้นกระบวนการผลิตไฟฟ้าในแต่ละวันจะมีวัสดุตะกอน
วันนี้ (22 พ.ย.) บริษัท Vision Inspector and Engineering Co., Ltd. และนิคมอุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์แห่งประเทศไทย โดยมีนายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม พร้อมด้วยคณะทำงาน ประกอบด้วย นายวิศรุต ฤทธิเลิศ ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมโยธาและโครงสร้างพิเศษ นายฉัตรชัย ทรัพย์ศรีสุวรรณ์ ผู้จัดการฝ่ายประสานงานภาครัฐและภาคเอกชน นายมนูญ เพิ่มพิณทอง ผู้จัดการฝ่ายงานเชี่ยวชาญด้านเทคนิคพิเศษและเครื่องกล นายณัฐวรกานต์ ภรญ์รัฐนันฐ์ ผู้จัดการฝ่ายภาควิศวกรรมไฟฟ้าและวัดคุม และนายมาโนช วังนาค ผู้จัดการด้านอาคารและสถานที่ได้ร่วมมือจัดทำบันทึกข้อตกลงการพัฒนาโรงผลิตไฟฟ้าขยะชุมชน ขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ กับบริษัท Aurorean Recovery Co.,Ltd ประเทศจีน โดย Mr.Thomas Jing ประธานบริหาร บริษัทในเครือ Aurorean Energy (china) พร้อมฝ่ายบริหาร ณ อาคารสำนักงาน Aurorean Recovery Co.,Ltd. นครกวางโจว ประเทศจีน
โดยทั้งสองบริษัทได้ร่วมมือจัดทำบันทึกข้อตกลงการพัฒนาเทคโนโลยยีและการเปิดตลาดพลังงานภายใต้ชื่อ Waste To Energy (Thai-China) ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนด้วยระบบ Gasification เป็นการทำงานด้วยระบบการเผาด้วยความร้อนสูง ขนาด 1,000-1,200 องศาเซลเซียสขึ้นไป ซึ่งเตาเผาขยะนี้จะทำให้เกิดพลังงานไฟฟ้า โดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษกับสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ไม่ก่อให้เกิดสารไดออกซิน (สารก่อมะเร็ง) ปราศจากของเสียและกลิ่นทุกกรณี
จุดเด่นของการพัฒนาเตาเผาขยะพลังงานไฟฟ้าชนิดนี้ เป็นการเผาขยะด้วยระบบแกนการหมุน 360 องศาตลอดเวลาเผา ทำให้การเผาขยะมีคุณภาพสูงสุด หลังเสร็จสิ้นกระบวนการผลิตไฟฟ้าในแต่ละวันจะมีวัสดุตะกอนที่มีคุณสมบัติเป็นวัสดุก่อสร้างแบบอัดแรง วัสดุถมที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พลังงานที่เหลือจากการควบแน่นของระบบกังหันไอน้ำมีความร้อน ความเย็น ซึ่งสามารถควบคุมในระดับที่ติดลบกว่า 10 องศา การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงนี้สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งที่เป็นการกำจัดขยะและของเสีย แต่สามารถเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างดี
นายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม กล่าวว่า เป้าหมายของโครงการจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทย เพื่อกำจัดขยะแบบถาวรและสร้างพลังงานไฟฟ้าทดแทนทั่วประเทศ ทั้ง อบจ. อบต เทศบาลต่างๆ โดย เริ่มนำร่องที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นอันดับแรก เพื่อสนับสนุนร่วมพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ รองรับนักท่องเที่ยวและการเปิดด่านชายแดนไทยบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ด้วยงบลงทุน 1,350 ล้านบาท
ทั้งส่วนค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง รวมทั้งเครื่องจักรผลิตกระแสไฟฟ้า ขนาด 6 เมกะวัตต์ สามารถกำจัดขยะได้วันละไม่น้อยกว่า 500 ตัน และจะดำเนินการในด้านธุรกิจนี้ตามประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่องประกาศรับซื้อไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน พ.ศ.2565 และคาดว่าโครงการต้นแบบจะสามารถทำให้แล้วเสร็จภายในไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันร่วมมือทางธุรกิจ
ที่มา : MgrOnline