พระพยอมเผย วิปัสสนาเพ่งศพทำเพื่อปลงสังขาร ไม่ใช่โอ้อวด เตือนระวังถูกหลอกลวง
เผยแพร่ : 22 พ.ย. 2567 13:32:02
• การกระทำดังกล่าวเพื่อฝึกปลงสังขารหรือ อสุภะกรรมฐาน
• ยืนยันไม่ใช่การโอ้อวดลัทธิหรือประดับสำนักสงฆ์
พระพยอมเผยนั่งวิปัสสนากับศพมีจริง ทำเพื่อการปลงสังขาร หรือ อสุภะกรรมฐาน ไม่โอ้อวดลัทธิ ประดับสำนักสงฆ์
วันที่ 21 พ.ย.67 ที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พระราชธรรมนิเทศหรือพระพยอม กัลยาโณ เตือนชาวพุทธอย่าหลงเชื่อง่ายๆ ยุคนี้เป็นยุคแห่งการหลอกลวงต้มตุ๋น การนั่งวิปัสสนากับซากศพสมัยก่อนมีจริงแต่เพื่อเป็นการปลงสังขาร เรียกว่า อสุภะกรรมฐาน ไม่ใช่ให้ทำเพื่อประดับสำนักสงฆ์ให้มีชื่อเสียง
พระพยอม กัลยาโณ กล่าวว่า จากที่มีสำนักสงฆ์ลัทธิ หู-ตาทิพย์ สอนเด็กตามที่เป็นข่าว ถ้าหากว่าเขาทำหูทิพย์ตาทิพย์ได้ ประเทศไทยจะเป็นที่ 1 ในโลก จะสามารถปราบอะไรๆ ที่เป็นปัญหาบ้านเมือง เช่น การตั้งด่านตรวจดูว่ารถคันไหนมีอะไร ให้เอาหูทิพย์ตาทิพย์ไปนั่งด้วย ดูว่าในรถมีอะไร คันไหนมีสิ่งผิดกฎหมายก็จับคันไหนไม่มีอะไรก็ปล่อยไป ปัญหายาเสพติดจะลดลงอย่างฮวบฮาบเลย แต่นี้เขาลำเลียงที่ไหนขนที่ไหนก็ไม่รู้ และก็อยากจะเห็นเลขตัวนั้นเลขตัวนี้แล้วทำไมไม่ดูเลขท้าย 2 ตัวงวดหน้าออกอะไร พ่อแม่จะได้ทีเงินมีทองใช้บ้าง มันเป็นเรื่องสูญเสียเวลาของการใช้วิชาคล้ายๆกับมายากล ดูแล้วเหมือนเล่นมายากล
ปัญหาใหญ่มันอยู่ตรงที่ว่าประโยชน์อะไรมันจะเกิดขึ้นในหลักธรรม เช่น เขาเชื่อแบนี้ทำแบบนี้แล้วทุกข์เขาลดลง พระพุทธเจ้าท่านสรุปว่า ถ้าทำแล้วทุกข์ลดลงค่อยปลงใจเชื่อ แต่ตอนนี้ความเชื่อของญาติโยมค่อนข้างน่าเป็นห่วง เช่น เชื่อว่าไปทำพิธีแล้วเคราะห์ร้ายจะหายไป แบบนี้พระกับหมอผีน่าจะรู้กัน ในความเชื่องมงายไร้เหตุผลมันจะหนักขึ้น ยุคนี้เป็นของการหลอกลวงต้มตุ๋นถ้าระดับใหญ่ๆ ก็เป็นพวกแก๊งคอลเซนเตอร์ ระดับเล็กๆก็เป็นพวกกันเองในหมู่บ้านในชุมชน ซึ่งในตอนนี้ชาวบ้านก็ต้องตื่นตัว และทางภาครัฐก็ต้องจัดการให้เด็ดขาด อย่าปล่อยให้กลุ่มผีบุญผีบ้าเผ่นพ่านกันใหญ่โต จนได้ใจ หลอกลวงต้มตุ๋นประชาชนไปเรื่อย และต่อไปนี้พระที่หลอกลวงไม่ควรแค่จับสึก แต่ควรทำแบบสมัยก่อนคือหวดซัก 3 ปั้บ หรือจับติดคุกซัก 7 วัน ไม่ใช่พอพบว่าทำผิดก็จับสึกแล้วก็ปล่อย จับปล่อยๆ อยู่แบบนี้ จึงทำให้พวกนี้ย่ามใจและเกิดลัทธิลวงโลกมากขึ้นและก็อยากทำตัวเป็นศาสดา พอมีคนนับถือแล้วมีความสุขแต่ไม่คิดถึงความทุกข์ของคนโดนหลอก
พระพยอมยังพูดถึงเรื่องการนั่งวิปัสสนา แล้วเอาศพคนตายมาใช้ ซึ่งตามหลักศาสนาก็มี เขาเรียกเป็นการเพ่งศพ แต่ต้องไม่ใช่เป็นการโอ้อวด แล้วเอามาประดับหน้าสำนักเกิดเป็นลัทธิแปลกๆ ส่วนมากการเพ่งศพเขาจะไปทำหลังวัด การเพ่งศพนี้ ส่วนใหญ่ทำไปเพื่อปลงสังขาร เคยหลงอยู่ในรูปกายที่สวยงาม พอมาเพ่งดูความจริงว่าร่างกายเราสวยงามไหม พอนานๆไปก็อยู่ในสภาพเป็นของเน่าเปื่อย เหลือแต่โครงร่างโครงกระดูก ก็ทำไปเพื่อพิจารณาเพื่อละลายความรักในสังขารผู้อื่นหรือสังขารตัวเอง ถ้าละลายได้ตัวเขาก็จะไม่มีความกำหนัด จะไม่มีพระยุ่งกับสีกา
ซึ่งสมัยก่อนเขาจะมีการทำกรรมฐานกับซากศพ เรียกว่า อสุภะกรรมฐาน คือการใช้ซากศพพิจารณา พระพุทธเจ้าท่านเปรียบธรรมวินัยของพระองค์ลุ่มลึกเหมือนทะเลลึก พวกขยะพวกนี้มักจะถูกคลื่นซัดขึ้นชายฝั่งหมด พระที่ไม่ปฏิบัติตามพระวินัยเรียกว่าพระขยะ ก็จะถูกซัดขึ้นฝั่งหมด ล่องลอยไม่หลักไม่มีฐาน ทำตามแต่ความคิดตน เรื่องที่ไม่มีในพระไตรปิฎกก็อ้างว่ามีและก็ทำไป ตอนนี้เรามีพระผู้รู้และดื้อมากอยู่เยอะ สิ่งที่สำนักสงฆ์หูตาทิพย์ทำอยู่นี้ ก็เป็นความผิดในเรื่องของการถูกชาวโลกติเตียน ซึ่งถือเป็นขั้นแรก มันเป็นโลกวัชชะ แต่ถ้ายังทำต่อไม่สนไม่แคร์ใครก็สามารถอัปเปหิให้ออกจากวัดไปได้
ที่มา : MgrOnline