ยกระดับสู่สงครามโลก! ปูตินขู่ล็อกเป้าโจมตีตะวันตก หลังยิงขีปนาวุธพิสัยปานกลางตอบโต้ยูเครน

เผยแพร่ : 22 พ.ย. 2567 07:16:51
X
• รัสเซียไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะโจมตีชาติตะวันตก
• การยิงขีปนาวุธพิสัยปานกลางของรัสเซียเป็นการตอบโต้สหรัฐฯและนาโต

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ระบุในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) ว่าความขัดแย้งในยูเครน เข้าคุณสมบัติของสงครามระดับโลกแล้ว และไม่ตัดความเป็นไปได้ของการโจมตีใส่บรรดาชาติตะวันตก หลังจากยิงขีปนาวุธพิสัยปานกลาง ตอบโต้ที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรไฟเขียวเคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่จัดหาให้โจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย

คำเตือนของ ปูติน ในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) มีขึ้นตามหลังวันแห่งความหวาดวิตก หลังรัสเซียยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยปานกลางรุ่นใหม่เข้าใส่ยูเครน ที่ทาง ปูติน แย้มว่าจรวดนี้มีศักยภาพปลดปล่อยการโจมตีทางนิวเคลียร์

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ตราหน้าการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในขอบเขตความโหดร้ายป่าเถื่อนของสงครามโดย "ประเทศเพื่อนบ้านบ้าๆ ชาติหนึ่ง" ขณะที่สหรัฐฯ ผู้สนับสนุนรายสำคัญของเคียฟ บอกว่ารัสเซียต้องถูกกล่าวโทษในทุกแง่มุม สำหรับความขัดแย้งที่ลุกลามบานปลาย

ประธานาธิบดีปูติน กล่าวปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์ เปิดเผยว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัวพิสัยปานกลางไฮเปอร์โซนิกลูกหนึ่ง เข้าใส่เมืองดริโปของยูเครน ในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) ตอบโต้กรณีที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร อนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธล้ำสมัยที่ตะวันตกจัดหาให้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย โหมกระพือสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 33 เดือน ให้ลุกลามบานปลาย

ปูติน บอกว่ามอสโกโจมตีที่ตั้งทางทหารแห่งหนึ่งของยูเครน ด้วยขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกแบบทิ้งตัวรุ่นใหม่ พิสัยปานกลาง Oreshnik และเตือนว่าการโจมตีเพิ่มเติมจะตามมาหลังจากนี้ "ความขัดแย้งระดับภูมิภาคในยูเครนที่โหมกระพือขึ้นด้วยฝีมือตะวันตก ได้มาซึ่งองค์ประกอบของคุณสมบัติความขัดแย้งระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" เขากล่าว

ทั้งนี้ ขีปนาวุธพิสัยปานกลางโดยทั่วไปมีพิสัยทำการสูงสุด 5,500 กิโลเมตร เพียงพอที่จะทำให้รัสเซียสามารถทำตามคำขู่ของปูตินในการโจมตีใส่ตะวันตก

ระหว่างการกล่าวปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ ผู้นำรัสเซียส่งเสียงโวยวายต่อกรณีที่บรรดาพันธมิตรของยูเครนไฟเขียวให้เคียฟใช้อาวุธที่ตะวันตกจัดหาให้ โจมตีเป้าหมายต่างๆ ในดินแดนรัสเซีย พร้อมเตือนเกี่ยวกับการแก้แค้น

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ยูเครนยิงขีปนาวุธที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรจัดหาให้เข้าใส่ดินแดนของรัสเซียเป็นครั้งแรก โหมกระพือความตึงเครียดที่พุ่งสูงอยู่ก่อนแล้ว ให้ลุกลามบานปลายขึ้นไปอีก ในความขัดแย้งที่ลากยาวมานานเกือบ 3 ปี "เรามองว่าตัวเราเองมีสิทธิใช้อาวุธของเรากับที่ตั้งทางทหารของประเทศต่างๆ เหล่านั้น ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธของพวกเขาโจมตีที่ตั้งต่างๆ ของเรา" ปูตินกล่าว

เขาเผยด้วยว่าระบบขีปนาวุธ ATACMS ที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ และขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ ที่จัดหาให้โดยสหราชอาณาจักร ถูกสอยร่วงโดยกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศ พร้อมระบุว่า "เป้าหมายต่างๆ ที่พวกศัตรูกำหนดไว้ ชัดเจนว่าไม่ประสบความสำเร็จ"

อย่างไรก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ระบุว่า มอสโกได้แจ้งเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธไปยังวอชิงตันล่วงหน้าราวครึ่งชั่วโมงก่อนยิงออกไป ผ่านสายด่วนลดความตึงเครียดนิวเคลียร์ปรมาณู ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ

ปูติน บอกก่อนหน้านี้ว่ารัสเซียกำลังทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งปรมาณู แม้ได้ปรับปรุงหลักการทางนิวเคลียร์ของประเทศเมื่อช่วงปลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า วอชิงตันไม่เห็นถึงความจำเป็นต้องปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ของตนเองเป็นการตอบโต้

ก่อนหน้านี้ ยูเครน กล่าวหารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่คำกล่าวหานี้ถูกปฏิเสธโดยวอชิงตันในเวลาต่อมา

ปูติน บอกว่ารัสเซียดำเนินการทดสอบ "สภาวะการสู้รบของหนึ่งในระบบขีปนาวุธใหม่ล่าสุดของรัสเซีย" ที่มีชื่อว่า "Oreshnik" อย่างไรก็ตาม เซเลนสกี ซึ่งวิพากพากษ์วิจารณ์บรรดาผู้นำโลกในท่าทีนิ่งเฉยต่อการยิงขีปนาวุธของรัสเซีย โวยวายว่ามันเป็น "ข้อพิสูจน์สุดท้ายที่ชี้ชัดว่ารัสเซียไม่ต้องการสันติภาพ" พร้อมเตือนว่าประเทศอื่นๆ อาจตกเป็นเป้าหมายของปูตินด้วยเช่นกัน

"มันจำเป็นที่ต้องเร่งรัสเซียสู่สันติภาพที่แท้จริง ซึ่งความเป็นไปได้หนทางเดียวคือผ่านการใช้กำลัง" ผู้นำยูเครนกล่าวปราศรัยในช่วงค่ำ "มิเช่นนั้นแล้ว การโจมตี การข่มขู่และการบ่อนทำลายเสถียรภาพ โดยฝีมือรัสเซียจะเกิดขึ้นอย่างปรานี และไม่ใช่แค่กับยูเครนเท่านั้น"

การโจมตีใส่เมืองดนิโปร มีขึ้นหม่กี่วันหลังจากสถานทูตต่างประเทศของหลายชาติ ได้ปิดทำการชั่วคราวในเมืองหลวงของยูเครน อ้างอิงความเสี่ยงถูกโจมตีครั้งใหญ่

สเตฟาน ดูจาร์ริช โฆษกของอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ระบุว่าข่าวคราวเกี่ยวกับขีปนาวุธใหม่ เป็นอีก "พัฒนาการที่น่ากังวลอย่างมาก" พร้อมเตือนว่าสงครามกำลังดำเนินไปผิดทิศผิดทาง

รัสเซียและยูเครนยกระดับการใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีเข้าใส่กันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นับตั้งแต่วอชิงตันอนุญาตให้เคียฟใช้ระบบขีปนาวุธ ATACMS โจมตีเป้าหมายทางทหารต่างๆ ภายในรัสเซีย ตามที่ยูเครนร้องขอมานาน ขณะที่สื่อมวลชนอักกฤษรายในวันพุธ (20 พ.ย.) ว่าเคียฟยิงขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ ที่จัดหาให้โดยสหราชอาณาจักร ใส่เป้าหมายต่างๆ ในรัสเซีย หลังได้รับไฟเขียวจากลอนดอนเช่นกัน

ขีปนาวุธทั้ง 2 ชนิด มีพิสัยทำการ 300 กิโลเมตร และ 250 กิโลเมตร ตามลำดับ ซึ่งถือว่าห่างไกลจากระบบขีปนาวุธพิสัยปานกลางขั้นทดลองที่ยิงออกมาโดยรัสเซีย

อันเดร เคลิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำลอนดอน กล่าวในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) ว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าว หมายความว่าเวลานี้สหราชอาณาจักรเข้าเกี่ยวข้องโดยตรงกับสงครามยูเครนแล้ว "การยิงนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากปราศจากการสนับสนุนของสหราชอาณาจักร และนาโต"

อย่างไรก็ตาม โฆษกทำเนียบขาว ตอบโต้ว่า รัสเซีย คือผู้อยู่เบื้องหลังความตึงเครียดที่พุ่งทะยานครั้งนี้ โดยอ้างอิงถึงรายงานข่าวเกี่ยวกับการที่เกาหลีเหนือส่งทหารนับหมื่นนายเข้าช่วยรัสเซียสู้รบสกัดการรุกรานของยูเครน ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน

"สถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในทุกแง่มุม ล้วนออกมาจากรัสเซีย" ฌอง ปิแอร์ กล่าว พร้อมระบุว่าสหรัฐฯ เคยเตือนมอสโกแล้ว เกี่ยวกับการเข้ามาเกี่ยวข้อง "ของประเทศอื่นจากพื้นที่อื่นของโลก" อ้างถึงเปียงยาง

(ที่มา : เอเอฟพี)

ที่มา : MgrOnline