“พิพัฒน์”ถกประกันสังคมเอสโตเนีย ยกระดับบริการให้สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน

เผยแพร่ : 21 พ.ย. 2567 12:04:39
X
• มีการประชุมเกี่ยวกับประกันสังคมที่กระทรวงแรงงาน
• นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เป็นประธานการประชุม
• ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมเข้าร่วมประชุม
ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาระสำคัญของการประชุมจากเนื้อข่าวที่ให้มา

วันนี้(21 พ.ย.)นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และคณะกรรมการประกันสังคม และที่ปรึกษา (ชุดที่ 14) รวมถึงผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม ได้หารือแลกเปลี่ยนกับผู้บริหารของสำนักงานประกันสังคมเอสโตเนีย (Estonian Social Insurance Board – SIB) ณ กรุงทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย
.
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า การที่ผมพร้อมด้วยท่านปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะกรรมการประสังคมและที่ปรึกษา (ชุดที่14) เดินทางเยือนประเทศเอสโตเนียในครั้งนี้ เพื่อศึกษา แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับระบบประกันสังคมของเอสโตเนีย ตลอดจนการบริหารจัดการในการจ่ายสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ และแนวปฏิบัติที่ดีของเอสโตเนีย โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้และการเชื่อมโยงข้อมูลด้านการประกันสังคมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการที่ให้การช่วยเหลือเยียวยาและผลตอบแทนทุกช่วงวัย โดยใช้ big data ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ให้สิทธิประโยชน์ค่าสงเคราะห์บุตร จนถึง18ปีไม่จำกัดจำนวนคน การคำนวณรายได้ผู้ปกครอง การเก็บข้อมูลด้านการศึกษา การคำนวณรายได้ผู้ทำงาน และให้โอกาสผู้ว่างงาน จนถึง การจัดการรายได้ หลังเกษียณ ด้วยโปรแกรม SKAIS Self-service ให้บริการประชาชน พร้อมมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาสิทธิประโยชน์ ผู้ประกันตน สามารถคำนวณรายได้ ด้วยตนเอง รู้ล่วงหน้าได้ ในสิทธิที่พึงต้องได้ และสามารถกดรับเงินได้ทันที โดยโปรแกรมดิจิทัล
.
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ระบบการประกันสังคมของเอสโตเนีย มีมาตรฐานที่ดี มีทางเลือกให้กับประชาชนได้ยกระดับคุณภาพชีวิต โดยสามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กระบวนการให้บริการมีความรวดเร็วและโปร่งใส รวมถึงการลดขั้นตอนที่ซับซ้อนในการจัดการข้อมูลและการให้บริการที่ตอบโจทย์ผู้ประกันตนได้ดียิ่งขึ้น โดยการเรียนรู้จากประสบการณ์ของเอสโตเนียช่วยเปิดโอกาสในการปรับปรุงการให้บริการของระบบประกันสังคมไทยให้สามารถรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในยุคดิจิทัลได้อย่างดี และจะช่วยให้ประเทศไทยก้าวสู่การประกันสังคมที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพมากขึ้นและได้มาตรฐานสากล

ที่มา : MgrOnline