ชาวบ้านบุกสภา ร้อง สว.ถูกธนารักษ์ฮุบที่ทำกินบนเกาะเต่า

เผยแพร่ : 21 พ.ย. 2567 10:04:37
X
• เรื่องร้องเรียนคือ กรมธนารักษ์ไม่คืนที่ดินให้ชาวบ้านเกาะเต่า ประมาณ 15,000 ไร่
• ชาวบ้านขอให้ตรวจสอบการดำเนินการของกรมธนารักษ์

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช พาชาวบ้าน ร้อง รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาสให้ตรวจสอบกรมธนารักษ์ หลังไม่ยอมคืนที่ดินให้ชาวบ้าน เกือบ 15,000 ไร่

วานนี้ (20 พ.ย.) นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมนายกิตติศักดิ์ บุญชัย และชาวบ้านเกาะเต่ากว่า 20 คน ได้มายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา กรณีกรมธนารักษ์ได้ขึ้นทะเบียนพื้นที่กว่า 15,000 ไร่ เกินกว่าที่ครอบครองจริงเพียง 25 ไร่ ในเกาะเต่าเป็นพื้นที่ราชพัสดุทำให้ชาวบ้านบนเกาะจำนวนมากและธุรกิจบนเกาะไม่สามารถจดแจ้งทะเบียนขึ้นได้ สร้างความเดือดร้อน เพราะชาวบ้านอยู่มาก่อน

โดยขอให้ช่วยการตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับงานในหน้าที่ และควบคุม ตรวจสอบ ติดตามการทำงานของฝ่ายบริหารในเรื่องที่เกี่ยวกับข้อพิพาทที่ดินเกาะเต่า ตามอำนาจหน้าที่ซึ่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 150 บัญญัติไว้ เพื่อทราบผลการดำเนินงาน    

เนื่องจากชาวบ้านเกาะเต่า เคยร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน มาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ และขอให้ร่วมผลักดันพิจารณาแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติอีกทางหนึ่งด้วย

ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ในอดีตชาวบ้านในเกาะเต่าอาศัยอยู่มานานตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.2480 ก่อนที่ราชทัณฑ์จะมาสร้างเรือนจำปี พ.ศ. 2485 พอเรือนจำไม่ได้ใช้งานกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้แจ้งสิทธิการครอบครอง ส.ค.1 และขึ้นทะเบียนเกาะเต่าเป็นที่ราชพัสดุทั้งเกาะจำนวน 15,000 ไร่ หรือประมาณ 21 ตารางกิโลเมตร ซี่งความจริงแล้ว เรือนจำ มีเนื้อที่เพียง 25 ไร่เท่านั้น จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในปี พ.ศ. 2497 ประมวลกฎหมายที่ดินเริ่มใช้บังคับ และในปี พ.ศ.2498 ราษฎรเกาะเต่าที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินไปขึ้นทะเบียนสิทธิครอบครองที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) แต่ไม่สามารถแจ้งสิทธิการครอบครองได้ เพราะนายครรชิต พัฒนศรีสรรพากรอำเภอเกาะสมุย ในฐานะตัวแทนกระทรวงการคลังได้แจ้งการครอบครองที่ดินบริเวณเกาะเต่า เนื้อที่ 15,000 ไร่ เกินกว่า 25 ไร่ ที่กรมราชทัณฑ์ครอบครอง ซึ่งเป็นการขึ้นทะเบียนโดยความผิดพลาดคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ชาวบ้านยังคงครอบครองและทำกินในที่ดินดังกล่าวต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน        
และตั้งแต่ ปี พ.ศ.2529 - 2565 ราษฏรเกาะเต่าได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปหลายแห่ง เช่น รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย, ผู้ตรวจการแผ่นดิน, คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษย์ชน, ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี แม่ทัพภาค 4 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดิน ซึ่งมี พล.อ.เกรียงไกรศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธาน        
ทุกหน่วยงาน พิจารณาแล้วเห็นว่า กรมธนารักษ์ ขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุและ ส.ค. 1 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย การขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุ จำนวน 15,000 ไร่ เกินกว่า 25 ไร่ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้กรมธนารักษ์คืนที่ดินให้กับชาวบ้านเกาะเต่า แต่กรมธนารักษ์ก็เพิกเฉย       
จึงพาชาวบ้านกว่า 20 คน มายื่นเรื่องให้ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ช่วยดำเนินการตรวจสอบ และติดตามสอบถามความคืบหน้าการดำเนินการต่อรัฐสภา และช่วยพลักดันแก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 43 ปี 2537 ขัดหรือแย้งกับ ประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 มาตรา 59ทวิ และกรณีข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านเกาะเต่า กับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อให้ชาวบ้านเกาะเต่าได้รับความเป็นธรรม และยุติปัญหาข้อพิพาทให้ได้รับการแก้ไขเร็ววัน โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนของชาวบ้านเกาะเต่าได้รับมาอย่างยาวนาน

ด้าน สว.นันทนา กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาคุกรุกคน และหลายหน่วยงานก็ได้พิสูจน์สิทธ์แล้วว่าเป็นสิทธ์ของชาวบ้าน เพราะมีการเข้ามาอยู่อาศัยก่อน หลังจากนี้ต้องมีการตรวจสอบข้อมูล แต่ช่วงนี้เป็นเวลาปิดสมัยประชุมสภา เรื่องเร่งด่วนที่จะทำได้ในตอนนี้คือการรวบรวมข้อมูลไปสอบถามเรื่องคืนสิทธิ์ให้ชาวบ้านที่กรมธนารักษ์โดยตรง แต่หากยืดเยื้อก็นำเข้ากระทู้ถามรัฐมนตรีการคลังในสมัยเปิดประชุมสภา

ส่วนกรณีที่เกิดทนายอนันต์ชัย ยืนยันว่ายังไม่มีการดำเนินการในชั้นศาลถึงที่สุด ชาวบ้านพึ่งยืนเรื่องไปยังศาลปกครองเมื่อประมาณ3เดือนที่ผ่านมา และศาลยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่ หากศาลปกครองไม่รับก็ไปยื่นที่ศาลยุคิธรรมต่อไป






ที่มา : MgrOnline