"ดีเอสไอ" เข้าสอบ 11 บอสชาย "ดิไอคอน" ในคุกรัดกุมสำนวน ขีดเส้นขยายถึง 3 ธ.ค.นี้

เผยแพร่ : 20 พ.ย. 2567 13:31:28
X
• การสอบปากคำครอบคลุมทุกข้อกล่าวหา
• คลิปเสียง "เจ๊พัช" อ้างจ่ายเงิน 10 ล้านบาท
• "เจ๊พัช" ยืนยันข้อมูลตามที่โพสต์เฟซบุ๊ก

MGR Online - ดีเอสไอ บุกสอบปากคำ 11 บอสชาย "ดิไอคอน" ในเรือนจำฯ ทุกประเด็นข้อกล่าวหา ส่วนคลิปเสียง "เจ๊พัช" อ้างจ่าย 10 ล. เจ้าตัวยืนยันตามโพสต์เฟซบุ๊ก

วันนี้ (20 พ.ย.) เวลา 10.00 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณี การดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก เดินทางมาเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมแก่ 11 บอสชายดิไอคอน ในเรือนจำฯ

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ประเด็นที่จะเข้าสอบปากคำผู้ต้องหา คือ มติที่ประชุมเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา เพราะพนักงานสอบสวนได้ร่วมกันประชุมแล้วเห็นว่ามีบางประเด็นที่มีข้อสงสัย จึงต้องมาสอบปากคำเพิ่มเติมทั้ง 11 บอสชายเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง ซึ่งต้องสอบเพิ่มเติมในทุกประเด็นข้อกล่าวหา ทั้ง พ.ร.บ.คอมพ์ฯ , ฉ้อโกงประชาชน , พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ (แชร์ลูกโซ่) และ พ.ร.บ.ขายตรงฯ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ 11 บอสชายเคยให้การปฏิเสธจะให้การในชั้นศาล ทั้งนี้ ดีเอสไอไม่ได้ใช้แค่การสอบสวนปากคำผู้ต้องหาเพื่อค้นหาความจริง แต่เป็นเพียงข้อสงสัยบางประการที่เราต้องซักถาม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ส่วนผู้ต้องหาจะให้การหรือไม่ก็ได้ เป็นสิทธิของผู้ต้องหา

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายของบอสพอล จะขอขยายระยะเวลาการยื่นเอกสารแก้ข้อกล่าวหาของบรรดา 18 บอสดิไอคอนฯ ออกไปอีก 15 วัน รวมเป็น 30 วันนั้น ว่า ดีเอสไอมาพูดคุยกับกลุ่มบอสให้เข้าใจว่าเบื้องต้นให้กรอบเวลา 15 วัน และขยายสิ้นสุดถึงวันที่ 3 ธ.ค. เพื่อให้ไปรวบรวมพยานเอกสารที่ต้องการใช้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน เพราะดีเอสไอจะได้สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการตามกรอบเวลา และดีเอสไอจะพิจารณาเท่าที่สำนวนมีอยู่ ทั้งนี้ หากกลุ่มบอสอยากให้การเพิ่มเติมภายหลังจากนั้น ก็จะต้องยื่นไปยังพนักงานอัยการแทนพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ย้ำว่าขยายให้ได้ถึงเพียงวันที่ 3 ธ.ค. เท่านั้น

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับการสอบปากคำ 18 บอสทั้งชายหญิง ภายในเรือนจำฯ ดำเนินการแล้ว 2 ครั้ง ภาพรวมส่วนใหญ่ยังไม่ให้การใดๆ และยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหา ซึ่งอุปสรรคก็เป็นของฝ่ายผู้ต้องหาเอง ไม่ใช่ดีเอสไอ และการเข้าสอบสวนปากคำซ้ำ ก็เพราะว่ามีประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัยจึงต้องเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติม ถ้าเขาให้การมันจะเป็นประโยชน์ต่อเขาเองในการใช้ในชั้นศาลได้ด้วย ทั้งนี้ การที่ผู้ต้องหาไม่ให้การกับพนักงานสอบสวนไม่ถือว่ากระทบต่อสำนวนคดี

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วน ดีเอสไอจะสอบปากคำบอสพอล กรณีเป็นคู่สายสนทนากับ น.ส.กฤษอนงค์ อ้างจ่ายเงิน 10 ล้านบาทผ่านคนกลางนั้น ทราบว่าช่วงบ่ายวันนี้จะมีคณะพนักงานสอบสวนอีกชุดหนึ่งเข้ามาสอบปากคำบอสพอล โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้มีคำสั่งให้อธิบดีดีเอสไอ ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และมีการเข้าไปสอบปากคำ น.ส.กฤษอนงค์ ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเธอให้การยืนยันตามโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่าเป็นเหตุการณ์พูดคุยกันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ไม่ขอยืนยันในคลิปเสียง ส่วนคนกลางไม่มีความจำเป็นให้การพาดพิงบุคคลที่สาม อีกทั้ง การตรวจสอบเรื่องนี้ต้องให้บุคคลที่อยู่ภายในกระบวนการยุติธรรม ที่ประชาชนและสื่อมวลชนเชื่อถือได้เข้ามาร่วมเพื่อความเป็นกลางมีคำตอบสังคม

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า กรณีที่มีตัวแทนของดิไอคอน ถูกอายัดบัญชีธนาคารนั้น เรื่องนี้ถือเป็นปัญหา เพราะเป็นบัญชีที่ถูกอายัดตั้งแต่ชั้นตำรวจ โดยระบบของ AOC : Anti Online Scam Operation Center หรือระบบอายัดโดยอัตโนมัติ เนื่องจากเมื่อมีการร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว ระบบจึงอายัดอัตโนมัติ เบื้องต้นอธิบดีดีเอสไอได้มีคำสั่งว่าจะต้องมีการประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันพรุ่งนี้ (21 พ.ย.) ให้แล้วเสร็จว่าวิธีการดำเนินการ จะแก้ไขและช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบและไม่เกี่ยวข้องในคดีได้อย่างไร ส่วนที่ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเงินลงทุนธรรมดา เราจะต้องเร่งคืนให้เขา ซึ่งการปลดล็อคบัญชีอายัดธนาคารจะต้องดำเนินการให้รวดเร็ว แม้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการอายัดแต่กระบวนการถอนปลดการอายัดบัญชีจะต้องดำเนินการโดยดีเอสไอ ทำให้เราต้องรีบเร่งรัดในการพิจารณา จึงต้องขอให้ทางตำรวจช่วยพิจารณาเพื่อความรวดเร็วประกอบไปด้วย

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ส่วนการยื่นฝากขังกลุ่ม 18 บอส ในหลักการสอบสวนตามมาตรา 22 วรรคท้าย สำนวนคดีใดที่เป็นของตำรวจให้เป็นส่วนหนึ่งของดีเอสไอ ซึ่งทางตำรวจได้มีการอายัดคัดค้านไว้เรียบร้อยแล้วก็คงไม่มีเหตุคำสั่งเปลี่ยนแปลง ส่วนกรณีที่ทนายความของผู้ต้องหาระบุว่าเป็นอุปสรรคถ้าหากผู้ต้องหาถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำและมีความจำเป็นต้องต่อสู้คดี ก็เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ที่ต้องขอยัดตัวเพราะเป็นคดีที่เป็นผลกระทบต่อวงกว้าง


ที่มา : MgrOnline