รอง ผบช.รร.นรต. รับ เรื่องฉาวโรงเรียนนายร้อยเป็นเรื่องจริง ชี้ อยู่ที่นักเรียนจะเอาเรื่องไหม

เผยแพร่ : 20 พ.ย. 2567 12:51:38
X
• พล.ต.ต.ศักดิ์รพี ยอมรับเหตุการณ์เป็นเรื่องจริง
• นักเรียนที่เกี่ยวข้องบรรลุนิติภาวะแล้ว
• การดำเนินคดีขึ้นอยู่กับการแจ้งความเอาผิดของนักเรียนที่เกี่ยวข้อง
• เบื้องต้นมีการเรียกนักเรียนทั้งสองฝ่ายมาสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว

พล.ต.ต.ศักดิ์รพี เพรียวพานิช รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ออกมายอมรับเรื่องฉาวโรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นเรื่องจริง ชี้ อยู่ที่นักเรียนจะเอาผิดไหมเพราะบรรลุนิติภาวะแล้ว หากเอาผิดต้องมีการดำเนินคดี เบื้องต้น มีการเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยแล้ว

จากกรณีบิ๊กเกรียนแฉเรื่องอื้อฉาวทางเพศในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีอาจารย์กับเพื่อนร่วมรุ่น นรต.66 ลวงนักเรียนนายร้อยตำรวจที่เข้าเวรยาม นัดไปที่สนามรักบี้ มอมโซจู 3 ขวด เบียร์ 2 กระป๋อง ก่อนให้นักเรียนใช้มือช่วยตัวเองต่อหน้าแต่ไม่เสร็จ แถมรุ่นพี่ทั้งสองยังใช้มือช่วยตัวเองให้ แต่ก็ไม่เสร็จ ก่อนส่งตัวที่กองร้อย ญาติและผู้ปกครองกังวลเพราะไม่มีใครกล้ารายงาน ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (20 พ.ย.) มีรายงานความคืบหน้าของกรณีดังกล่าว โดย พล.ต.ต.ศักดิ์รพี เพรียวพานิช รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หรือ รร.นรต. ออกมายอมรับกรณีเพจดังแฉพฤติกรรมอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน และเพื่อนตำรวจ กระทำล่วงละเมิดทางเพศลูกศิษย์รายหนึ่งเป็นเรื่องจริง

โดยเป็นเด็กนักเรียนชั้นปีที่ 1 ถูกกระทำสองคนอ้างว่าเกรงใจรุ่นพี่ ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ 1 และอีกคนเป็นเพื่อนตำรวจสังกัดนครบาล

โดยเรื่องนี้อยู่ที่เจตนาของเด็กนักเรียนทั้งสองว่าจะเอาเรื่องหรือไม่ เพราะบรรลุนิติภาวะแล้ว โดยเด็กขอปรึกษาผู้ปกครองก่อน ซึ่งคดีอนาจารเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ และเด็กสองคนที่ถูกกระทำบรรลุนิติภาวะแล้ว จึงให้ตัดสินใจเองว่าจะเอาเรื่องหรือไม่เอาเรื่อง หากตัดสินใจเอาเรื่องก็ต้องถูกดำเนินคดี หรือดำเนินคดีไปแล้วมีการยอมความกัน ก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและต้องงดเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือถอดถอนการเป็นอาจารย์ต่อไป

เบื้องต้น ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.จิรชาติ เจริญศรี ผู้บังคับการปกครอง โรงเรียนนายร้อยตำรวจดำเนินการเรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบถามแล้ว ย้ำว่าใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นก็ต้องแก้ไขไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดหรือซุกไว้ใต้พรม เพราะสุดท้ายแล้วความจริงก็ต้องเปิดเผยและจะยิ่งส่งผลเสียต่อองค์กร

ที่มา : MgrOnline