รมว.กลาโหมมะกันหน้าหงาย! ถูกพญามังกรชำระแค้น
เผยแพร่ : 20 พ.ย. 2567 14:40:43
• จีนระงับการเจรจาระดับสูงด้านการทหารกับสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในรอบปี
• การระงับเกิดขึ้นหลังจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เยือนจีน
• เป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจของจีนต่อการกระทำของสหรัฐฯ
• ยังไม่ระบุชัดเจนว่าจะระงับการเจรจานานแค่ไหน
• ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความพยายามในการลดความตึงเครียดทางทหาร
เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีที่จีนระงับการเจรจาระดับสูงด้านการทหารกับสหรัฐอเมริกา
ก่อนการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ADMM) ที่ลาวจะเริ่มขึ้น นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้เสนอที่จะพบปะกับนายต่ง จวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีนในระหว่างการประชุมดังกล่าว การขอพบปะก็เพื่อพยายามรักษาช่องทางการสื่อสารด้านการทหารระหว่างชาติทั้งสองเอาไว้ แต่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธ โดยให้เหตุผลเรื่องที่สหรัฐฯ ขายอาวุธให้ไต้หวันเมื่อไม่นาน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านกลาโหมสหรัฐฯ ที่ร่วมเดินทางมากับนายลอยด์เป็นผู้แจ้งเรื่องนี้กับนักข่าว
เมื่อสามสัปดาห์ก่อน สหรัฐฯ อนุมัติการขายอาวุธมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์แก่ไต้หวัน ซึ่งรวมถึงการจัดหาขีปนาวุธขั้นสูงยิงจากพื้นสู่อากาศ การกระทำของสหรัฐฯ จีนสาบานว่าจะใช้ “มาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด” เพื่อปกป้องอธิปไตย
ต่ง จวิน อดีตผู้บัญชาการทหารเรือได้รับแต่งตั้งคุมกระทรวงกลาโหมแทน พล.อ.หลี่ ช่างฝู ซึ่งถูกปลดด้วยข้อกล่าวหาทุจริต
นายลอยด์ถูกปฏิเสธการขอพบ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งพบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ระหว่างการประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่เปรูได้ไม่กี่วัน เป็นการพบกันครั้งสุดท้ายในฐานะผู้นำสหรัฐฯ และไร้ร่องรอยความขัดแย้งปรากฏให้เห็น
นายเจก ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติกล่าวว่า การพบปะครั้งนี้เป็นไปอย่าง “ตรงไปตรงมา สร้างสรรค์ และครอบคลุม” แต่ว่านายไบเดน จะไม่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างรัฐบาลจีนกับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์
การยกเลิกการประชุมและช่องทางการสื่อสารเป็นวิธีการที่จีนมักใช้ เท่ากับเป็นการยื่นบัญชีความแค้นที่จีนจดบันทึกไว้ต่อหน้าสหรัฐฯ ให้ได้รับทราบ ซึ่งรวมถึงกรณีนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เยือนไต้หวันเมื่อปี 2565
จีนมองว่าสหรัฐฯ พยายามสนับสนุนเอกราชของไต้หวันซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน ประเด็นไต้หวันจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างชาติมหาอำนาจทั้งสองตึงเครียด
เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านกลาโหมคนดังกล่าวระบุด้วยว่า ยังไม่ชัดเจนว่าการตัดสินใจไม่พบกันในสัปดาห์นี้ถือเป็นสัญญาณของการหยุดชะงักในการเจรจาด้านการทหารที่จะลุกลามไปกว่านี้หรือไม่ เหมือนคราวนางเพโลซีซึ่งจีนถือเป็นเรื่องวิกฤต ถึงแม้ว่าในการแถลงข่าวของไบเดนภายหลังพบสีจิ้นผิง ไบเดนไม่ได้พูดถึงความขัดแย้งใดๆก็ตาม
“ในเรื่องการสื่อสารทางทหาร ผู้นำในหลายระดับของเราพูดคุยกันเป็นประจำอยู่แล้ว” ไบเดนกล่าว
ข้อมูลจาก DefenseNews / CNN
ที่มา : MgrOnline