“จตุพร” เชื่อ 22 พ.ย.ศาล รธน.รับคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างปกครอง เตือนตั้ง “กิตติรัตน์” นั่ง ปธ.บอร์ด ธปท.โดนฟ้องระนาวแน่

เผยแพร่ : 20 พ.ย. 2567 12:33:31
X
• นายจตุพร เชื่อ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติเอกฉันท์รับคำร้องกรณีพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง ในวันที่ 22 พ.ย. 67
• นายจตุพร มองว่า ข่าวที่ว่า อสส.ไม่รับดำเนินคดี เป็นเพียงการปลอบใจเท่านั้น

“จตุพร” เชื่อ วันที่ 22 พ.ย. ศาล รธน.จะมีมติเอกฉันท์รับคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” มีพฤติกรรมล้มล้างปกครอง ชี้ ปล่อยข่าว อสส.ไม่รับดำเนินคดีแค่ปลอบใจ เตือนถ้ายังเสนอชื่อ “กิตติรัตน์” เป็นประธานบอร์ด ธปท.โดนฟ้องระนาวแน่

วันที่ 19 พ.ย. 67 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ทางเพจ “Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์” โดยเชื่อว่า วันที่ 22 พ.ย.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะรับพิจารณาคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ด้วยมติเอกฉันท์ 9 : 0 ซึ่งวันนั้นอากาศหนาวสั่นจะมาเยื่อนฉับพลัน ดังนั้น ทักษิณ ชินวัตร กับคนพรรคเพื่อไทย ควรใส่เสื้อให้เยอะๆ เข้าไว้

นายจตุพร กล่าวถึงข่าวปล่อยจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ส่งความเห็นถึงศาล รธน.กรณีทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ไม่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ว่า ไม่มีการแถลงใดๆ จาก อสส. แต่ที่สุดแล้วถ้าเป็นจริง ก็ไม่อาจนำมาหักล้างการวินิจฉัยของศาล รธน.ได้

“เวลาของ อสส.มีอำนาจพิจารณาคำร้อง ได้หมดลงตั้งแต่ 15 วันแรกที่นายธีรยุทธ ผู้ร้องไปยื่นคำร้องแล้ว ดังนั้น เมื่อ อสส.ไม่ใช้อำนาจนั้น จึงเป็นสิทธิตาม รธน.ให้ไปยื่นตรงต่อศาล รธน.”

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวจาก อสส. ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่สื่อมวลชนบางสำนักรายงาน แต่ยังไม่มีความชัดเจนจาก อสส. เพราะไม่เคยปรากฏคำชี้แจงเป็นทางการ แม้รายงานทั้งสองครั้งมีรายละเอียดลอยๆ และเล็กน้อย โดยครั้งแรกระบุ อสส.ได้ยุติการพิจารณา ส่วนครั้งที่สองอ้างไม่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองฯ

นายจตุพร กล่าวว่า หลังจากอำนาจพิจารณาคำร้องของ อสส.สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อ นายธีรยุทธ ไปยื่นคำร้องต่อศาล รธน. แล้วศาล รธน.ได้ถามความเห็นไปยัง อสส. โดยไม่เกี่ยวกับการให้ อสส.ใช้อำนาจพิจารณาคำร้อง ต่อมา อสส.ได้สอบสวนเพิ่มทั้งผู้ร้องคือนายธีรยุทธ และผู้ถูกร้อง ซึ่งประกอบด้วย ทักษิณ กับพรรคเพื่อไทย แต่มีเพียงทักษิณ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญไม่ไปให้ปากคำต่อ อสส.

“การสอบสวนของ อสส.เป็นเพียงการทำความเห็นเสนอต่อศาล รธน.โดยไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้นกับการพิจารณาคำร้อง เพราะหมดหน้าที่ไปแล้วตั้งแต่ 15 วันแรก ดังนั้น การพิจารณาคำร้องจึงเป็นขั้นตอนของศาล รธน.”

พร้อมกล่าวว่า ถ้า อสส.มั่นใจคำร้องไม่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลที่ไม่นั่งแถลงการพิจารณาให้เกิดความชัดเจน สิ่งนี้จึงเป็นความน่าสงสัย อีกอย่างเป็นการปล่อยข่าวในลักษณะเดิมถึง 2 ครั้งติดต่อกัน แม้ว่าจะเป็นความจริงเพื่อปลอบใจผู้ถูกร้อง แต่อำนาจนั้นเลยเวลามาแล้ว จึงเป็นได้เพียงความเห็นยื่นต่อศาล รธน.เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าเรียงการเคลื่อนไหวของทักษิณไปอุดรธานีตั้งแต่ 13-14 พ.ย. ไม่ได้มุ่งช่วยหาเสียงนายก อบจ.อุดร ของพรรคเพื่อไทย แต่พุ่งเป้าเตือน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เขาสร้างให้เป็นปีศาจน่ากลัวต้องการรื้อโครงสร้าง พร้อมส่งสัญญาณถึงคนเสื้อแดงที่สีอื่นตกใส่ให้กลับมาเหมือนเดิม

“ผมจะบอกว่า ไม่ใช่สีอื่นตกใส่หรอก แต่เป็นตระบัดสัตย์ตกใส่ น้ำตาตกใส่ เลือดตกใส่ คุกตกใส่ และความไม่ซื่อตรงต่อการต่อสู้มันตกใส่ สีส้มไม่ใช่แม่สีจะตกใส่สีแดงก็เปลี่ยนไม่ได้ แต่ที่มีปัญหาก็คือ จุดยืนความไม่ซื่อตรงต่อคนเป็นและคนตายต่างหากที่ตกใส่คนเสื้อแดง”

นายจตุพร กล่าวว่า คนเสื้อแดงอุดร อย่าง “หงษ์ทอง ดาวอุดร” เป็นคนมีสถานะ มีชื่อเสียง เขาโพสต์ถึงความเจ็บแค้น ความสิ้นเนื้อประดาตัว สูญสิ้นอิสรภาพ ความหวังคือความสุขเดียวที่ได้ต่อสู้ตามที่ประกาศไว้ และเป็นความสุขเดียวของคนไปติดคุกแต่ละจังหวัด แต่คุณยังไปทำลายเขาอีก ด้วยการพูดง่ายๆ ว่า สีอื่นตกใส่

นอกจากนี้ การสร้างปีศาจธนาธร และสีอื่นตกใส่สีแดง ที่ทักษิณส่งสัญญาณออกมานั้น หากมั่นใจรอดพ้นจากสถานการณ์ศาล รธน. วันที่ 22 พ.ย. แล้ว ทำไมต้องมีข่าวจาก อสส.มาซ้ำเติมอีก ดังนั้น คาดได้ว่า เขาไม่มีความมั่นใจอะไรกับการพิจารณาของศาล รธน.ในวันที่ 22 พ.ย.นี้

“ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ผมเชื่อว่า ผลลัพธ์ไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไงศาล รธน.ก็รับ (คำร้องของนายธีรยุทธ ไว้พิจารณา) ไม่รู้ละ ผมเชื่อแบบนี้ ส่วนศาล รธน.จะวินิจฉัยอย่างไรสุดแท้แต่ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอก แต่โดยประสบการณ์ ผมเชื่อว่า รับทั้ง 9 ต่อ 0 แต่จะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ กับ รมต.รวม 3 คนหรือไม่ ยัง 50:50 ยังไม่สะเด็ดน้ำ”

นอกจากนี้ กรณีแต่งตั้ง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาตินั้น คณะกรรมการสรรหายังไม่ส่งรายชื่อให้ รมว.คลัง เพื่อเข้า ครม.อนุมัติ จึงต้องรอการประชุม ครม.ครั้งหน้า ซึ่งเป็นหลังวันที่ 22 พ.ย.นี้ และไม่แน่ใจว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะเห็นชอบด้วยหรือไม่เมื่อถึงวันนั้น หรือจะมีโอกาสได้เสนอชื่อหรือไม่ด้วยเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนฉับพลัน

อีกทั้งกล่าวว่า ในอดีตประธานบอร์ดแบงก์ชาติ มีส่วนเกี่ยวพันกับผลประโยชน์การเงินอย่างเห็นได้ชัด โดยกรณีการลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 ที่มีบางคนได้ข่าวก่อน จึงหาประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท แต่นักธุรกิจส่วนใหญ่กลับเสียประโยชน์ถึงขั้นธุรกิจฉิบหายไป สิ่งนี้เป็นเพราะการรับรู้จากวงในที่จะมีการลอยค่าเงินบาท จึงสะท้อนว่า แบงก์ชาติขาดความเป็นอิสระในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ดังนั้น ความเป็นอิสระจึงสำคัญและผู้รักชาติได้ร่วมกันปกป้องสิ่งนี้ให้ปลอดจากการแทรกแซงของนักการเมือง

“ถ้าชื่อประธานบอร์ดแบงก์ชาติผ่าน ครม.จะมีการฟ้องกันระนาวแน่ ดังนั้น จึงไม่มีใครจะยกบ้านเมืองให้กับคุณไปทำอะไรก็ได้ แบงก์ชาติต้องมีความเป็นอิสระ และเห็นอยู่แล้วว่าในอดีตใครเคยได้ประโยชน์จากการลอยตัวค่าเงินบาท ดังนั้น ลูกศิษย์หลวงตามหาบัวจึงไม่เชื่อถือและไม่ยอมให้แบงก์ชาติถูกแทรกแซง สิ่งสำคัญยังขาดคุณสมบัติจะเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติด้วย เพราะยังไม่พ้นจากการดำรงตำแหน่งทางการเมืองถึงหนึ่งปี”

นายจตุพร ยังตำหนิการพูดของทักษิณ จะแจกเงินหมื่นที่เวทีปราศรัยอุดร ว่า การพูดบนเวทีหาเสียงด้วยการแจกเงินหมื่นให้คนสูงวัย 60 ปี แล้วรุ่งขึ้น รมว.คลัง ขานรับทันที ซึ่งการหาเสียงแบบนี้ได้ด้วยหรือ จะไม่เป็นการเอาเปรียบกันไปหรือไม่ ที่เอาเงินของประเทศมาหาคะแนนเสียง

พร้อมกล่าวว่า ทักษิณ ยังพูดถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เป็นน้องสาวตัวเองจะกลับไทยก่อนวันสงกรานต์ปี 68 นั้น เป็นความไม่ฉลาด และแสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ 22 พ.ย. นี้ ที่ไม่น่าไว้ว่างใจ โดยไม่น่ารีบพูดถึง ทั้งที่ไม่มีความแน่นอนอะไรเลย ดังนั้น วันที่ 22 พ.ย.นี้ มันจะหนาวอย่างฉับพลันให้ใส่เสื้อไปเยอะๆ อากาศมันจะหนาวสั่น

“ปัญหาคือ ทักษิณจะไปหายิ่งลักษรณ์ หรือให้ยิ่งลักษณ์จะมาหาทักษิณในคุก สิ่งสำคัญในคดีทุจริตแต่ไม่ติดคุกสักวัน จึงเป็นการแสดงถึงพวกอภิสิทธิ์ชน และได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นแล้ว ยังไม่ปฏิบัติตามพระบรมราชโองการ สิ่งนี้แต่ละฝ่ายที่มีความห่วงใยต่อชาติบ้านเมืองชักจะทนไม่ไหวกัน เขาเคยหัวคะมำอย่างไรในปี 49 และ 57 ส่วนปี 67 และ 68 เดี๋ยวก็เกิดเรื่องซ้ำอีก”

ส่วนกรณีการเจรจาผลประโยชน์พลังงานกับกัมพูชานั้น นายจตุพร ย้ำว่า ต้องตกลงเขตแดนให้เรียบร้อยก่อนจึงแบ่งผลประโยชน์ 50:50 กันได้ เพราะการเจรจาครั้งนี้เป็นผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่สมบัติของใครนำไปเจรจา สิ่งสำคัญยังไม่มีการพูดถึงสัญญากับเชฟรอน ซึ่งเป็นช่องทางนำไปสู่คำว่า ผลประโยชน์อื่นใดให้บางคนบางกลุ่มนำไปต่อรองหาประโยชน์

นายจตุพร ย้ำว่า ถ้าทักษิณใช้เวลาที่เหลือเพื่อทำสิ่งที่ดีกับบ้านเมืองแล้ว เราก็อยากภาวนาให้เขารอดในวันที่ 22 พ.ย. แต่ถ้าเขารอดแล้วไปทำบ่อนกาสิโน สร้างปัญหาสังคมให้ลุกลามมากมาย เพราะคนติดการพนันทั้งในบ่อนและออนไลน์ต้องหาเงินโดยขายยาเสพติด ขายตัว ก่ออาชญากรรม

“แล้วอย่างนี้ อยากให้รอดจากสถานการณ์ศาล รธน.ด้วยหรือ ให้รอดมาขายแผ่นดินแลนด์บริดจ์ 99 ปี ขายคอนโดให้ต่างชาติซื้อได้ 75% อยู่ 99 ปี บ้านเมืองเป็นแบบนี้จะให้โอกาสรอดด้วยหรือ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวล”

ที่มา : MgrOnline