* ตลาดคาดการณ์โอกาสต่ำที่ราคา Ethereum (ETH) จะแตะ 4,000 ดอลลาร์ก่อนสิ้นปี * ราคา ETH เพิ่มขึ้นเพียง 36% ในปีนี้ * ETH ไม่สามารถทำผลงานได้ดีเท่าที่คาดการณ์ไว้ เมื่อเทียบกับ Bitcoin
ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสต่ำมากที่อีเธอร์จะท้าทายจุดสูงสุดในรอบปีที่ราว 4,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นเดือนธันวาคม

ราคา ETHของ Ethereum ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเงินที่แวววาวเทียบเท่ากับทองคำของ Bitcoin (BTC) กลับเพิ่มขึ้นเพียง 36% ในปีนี้ ซึ่งตามหลังราคา BTC ที่เพิ่มขึ้นถึง 109% อย่างมาก

นักลงทุนมีความกังวลปนรังเกียจหรือสิ้นศรัทธา ETH มาก ถึงขนาดที่อัตราตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 3,100 ดอลลาร์ ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 2 นี้ก็ยังต่ำกว่าราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,832 ดอลลาร์ในปี 2564 อย่างมาก ขณะที่บิทคอยน์ กลับซื้อขายที่ระดับสูงสุดตลอดอายุการใช้งานเหนือ 90,000 ดอลลาร์

ประสิทธิภาพที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งทำให้ ETH ดูเหมือนแพลเลเดียมที่ดิ้นรนเพื่อให้ทันกับทองคำนั้น คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งการวิจัยใหม่ของ Amberdata แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสเพียง 10% ที่ ETH จะทะลุจุดสูงสุดในไตรมาสแรกที่ประมาณ 4,000 ดอลลาร์ ขณะที่ผู้ซื้อขายเดิมพันว่า BTC จะทำจุดสูงสุดใหม่สูงกว่า 100,000 ดอลลาร์

แผนภูมิแสดงฟังก์ชันความหนาแน่นของความน่าจะเป็น (PDF) และฟังก์ชันการแจกแจงสะสม (CDF) โดยเน้นย้ำความน่าจะเป็นของการซื้อขายอีเธอร์ที่ระดับราคาต่างๆ ตลอดช่วงเวลาต่างๆ โดยกราฟนี้ได้แสดงให้เห็นถึงการซื้อขายออปชั่นอีเธอร์บน Deribit ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายออปชั่นคริปโตที่โดดเด่น

ขณะที่ยอดที่สูงขึ้นในราคาที่กำหนดบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่สูงขึ้นที่ราคาจะไปถึงระดับนั้นและในทางกลับกัน

ณ เวลาที่เผยแพร่บทความนี้ ผู้ซื้อขายได้กำหนดโอกาสเพียง 10% ที่อีเธอร์จะทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ภายในวันที่ 27 ธันวาคม ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อการเงินแบบกระจายอำนาจและภาคส่วนคริปโตอื่นๆ ภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ ยังไม่สามารถกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนในอีเธอร์ได้ แม้ว่าจะทำสำเร็จแล้วสำหรับเหรียญที่เรียกว่า DeFi ก็ตาม

Amberdata มองว่าแนวโน้มที่หดหู่ของ ETH เป็นผลมาจากปัจจัยพื้นฐานที่อ่อนแอ

เกร็ก เมกาดินี ผู้อำนวยการฝ่ายอนุพันธ์ของ Amberdata กล่าวในจดหมายข่าวถึงลูกค้าว่า "ETH เผชิญกับอุปสรรคสำคัญเนื่องจากข้อเสนอคุณค่าของ "เงินที่มั่นคง" (หรือที่เรียกว่าอุปทานเงินฝืดเนื่องจากการใช้ค่าธรรมเนียมธุรกรรมมากเกินไป) ได้เปลี่ยนไปเป็นอุปทานเงินฝืด เนื่องจากธุรกรรม DeFi เกือบทั้งหมดดำเนินการบน L2 แทนที่จะเป็น ETH L1 เอง ฉันเชื่อว่าสิ่งนี้ทำให้ราคาลดลงอย่างมาก"

อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าการเร่งตัวขึ้นของแนวโน้มขาขึ้นของบิทคอยน์ที่อาจเกิดขึ้นในที่สุดอาจฉุด ETH ขึ้นสูงกว่าระดับ 4,000 ดอลลาร์ในที่สุด โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานของอีเธอเรียม ในขณะที่ยังคงมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ BTC

ที่มา : MgrOnline