“คิม จองอึน” ต้องการ “อาวุธนิวเคลียร์พร้อมสูงสุด” เตือน “ญี่ปุ่น” ร่วมมือ "สหรัฐฯ" สร้าง Glide Phase Interceptor โจมตีไกลทางอากาศ ระหว่าง รมว.ต่างประเทศโตเกียวเดินทางเข้า "เคียฟ" พบ "เซเลนสกี" คู่ปรับปูติน

เผยแพร่ : 19 พ.ย. 2567 00:16:59
X
• ญี่ปุ่นถูกเกาหลีเหนือข่มขู่หลังจากร่วมมือกับสหรัฐฯพัฒนา Glide Phase Interceptor
• Glide Phase Interceptor คาดว่าจะประจำการในปี 2030
• การพัฒนาขีปนาวุธของญี่ปุ่นกระตุ้นให้เกาหลีเหนือยกระดับความพร้อมด้านนิวเคลียร์

เอเจนซีส์ - ผู้นำกาหลีเหนือ คิม จองอึน ปฏิญาณต้องให้ประเทศมีสถานะความพร้อมนิวเคลียร์สมบูรณ์แบบ หลังวันอาทิตย์ (17) ญี่ปุ่นโดนข่มขู่ ร่วมมือกับสหรัฐฯ พัฒนาความสามารถโจมตีไกลทางการทหาร Glide Phase Interceptor คาดบรรจุประจำการในราวปี 2030 ส่งรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นเยือนกรุงเคียฟพบผู้นำยูเครนถกปัญหากองกำลังเกาหลีเหนือสู้เพื่อปูติน

NHK ของญี่ปุ่นรายงานวันนี้ (18 พ.ย.) ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ยืนยันความร่วมมือ 3 ฝ่ายสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ นั้นเป็นการคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมกับประณามความร่วมมือดังกล่าว

สำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA รายงานวันจันทร์ (18) ว่า ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวในการประชุมวันศุกร์ (15) พร้อมกันนี้คิมยังยืนยันอีกครั้งต่อคำสัญญาในการเพิ่มแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ให้เกาหลีเหนือ

ในคำแถลงผู้นำเกาหลีเหนือยังยืนยันที่จะให้มีความพร้อมปฏิบัติการโดยสมบูรณ์แบบเพื่อที่อาวุธนิวเคลียร์จะสามารถบรรลุภารกิจของตัวเองในการเป็นการป้องปรามสงคราม และภารกิจที่ 2 ของอาวุธที่จะไม่ปฏิเสธในปฏิบัติการโจมตีนิวเคลียร์ก่อน

ทั้งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญในเกาหลีใต้ออกมาวิเคราะห์ว่า คำแถลงของคิม จองอึน นี้แสดงให้เห็นว่าโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเขาไม่สามารถหันหลังกลับได้และมีเป้าหมายเพื่อกดดันสหรัฐฯ ให้เปลี่ยนทิศทางนโยบายกดดันเปียงยางให้ปลอดอาวุธนิวเคลียร์

ทั้งนี้ ก่อนหน้า KCNA ของเกาหลีเหนือในวันอาทิตย์ (18) ออกมาแถลงว่า เปียงยางไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยในระหว่างที่ญี่ปุ่นลงทุนในความสามารถโจมตีระยะไกลทางทหารของตัวเอง นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงาน

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นกำลังทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในการพัฒนาระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบใหม่ที่สามารถสกัดอาวุธไฮเปอร์โซนิกได้ภายใต้ชื่อ Glide Phase Interceptor ซึ่งมีคาดว่าจะสามารถประจำการได้ในราวปี 2030

ซึ่งในวันเสาร์ (16) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเงรุ อิชิบะ และประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอกยอล กล่าวว่า ทั้งสองมีความวิตกอย่างร้ายแรงร่วมกันเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธวมิสไซล์ของเปียงยางและความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย รวมไปถึงการส่งทหารเกาหลีเหนือไปรบในสงครามยูเครน

ผู้นำทั้งสองยังกล่าวว่า พวกเขาจะยังคงทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและรวมถึงสหรัฐฯ อ้างอิงจากคำแถลงรัฐบาลโตเกียว

ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย ริชาร์ด มาร์เลส (Richard Marles) แถลงวันอาทิตย์ (17) ว่า แคนเบอร์ราจะร่วมมือใกล้ชิดทางการทหารกับทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ พร้อมกองพันปฏิบัติการเร็วครึ่งบกครึ่งน้ำญี่ปุ่นเพื่อการประจำการปกติในออสเตรเลีย

ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีและในภูมิภาคมีสูงขึ้นจากการที่โตเกียวได้ให้คำรับรองอีกครั้งต่อการสนับสนุนยูเครนที่ซึ่งกำลังสู้กองกำลังเกาหลีเหนือในสงครามยูเครน

ทั้งนี้ในวันเสาร์ (16) รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ (Takeshi Iwaya) เดินทางถึงกรุงเคียฟ ยูเครน อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนของอังกฤษ เพื่อหารือถึงปัญหากองกำลังเกาหลีเหนือที่กำลังสู้รบช่วยรัสเซีย และความวิตกอย่างสูงต่อความร่วมมือเพิ่มขึ้นทางการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก

อ้างอิงจากการประเมินข่าวกรองของสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และยูเครน ชี้ว่ามีกำลังทหารเกาหลีเหนือสูงถึง 12,000 นายถูกส่งเข้ารัสเซีย และสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ยูเครนแถลงว่า กองกำลังยูเครนปะทะทหารเกาหลีเหนือแบบจำกัดวง

เคียฟเปิดเผยวันเสาร์ (16) ว่า ข่าวกรองยูเครนเชื่อว่า เปียงยางให้ความช่วยเหลือมอสโกในการรุกรานยูเครนเพื่อแลกกับมิสไซล์รัสเซีย นิวเคลียร์ และโครงการทหารอื่นๆ

ด้านสำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า ญี่ปุ่นและยูเครนวันเสาร์ (16) ลงนามในข้อตกลงการแชร์ข่าวกรองลับทางความมั่นคงระหว่างกันระหว่างที่สงครามยูเครนยืดเยื้อและมีเกาหลีเหนือเข้าร่วม

รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ ที่เดินทางแบบไม่เปิดเผยเข้ากรุงเคียฟได้ร่วมในพิธีร่วมกับนายกรัฐมนตรียูเครน เดนิส ชมีฮาล (Denys Shmyhal)

นิวสวีกรายงานว่า KCNA รายงานวันอาทิตย์ (18) สถานการณ์ในภูมิภาคเป็นอันตรายมากขึ้นกว่าที่เคยเนื่องมาจากสงครามการฝึกซ้อมก้าวร้าว 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

ที่มา : MgrOnline