SABUY...ร่อแร่อีกราย / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่ : 18 พ.ย. 2567 19:42:10
X
• ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 คาดว่าจะแย่ บ่งชี้วิกฤตของบริษัท
• มองไม่เห็นแนวทางการฟื้นตัวของ SABUY ในระยะสั้น
• ข่าวร้ายส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

ราคาหุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ทรุดหนักต่อเนื่อง และการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2567 อาจเป็นสัญญาณที่ตอกย้ำว่า บริษัทจดทะเบียนแห่งนี้วิกฤต โดยมองไม่เห็นแนวทางกอบกู้

SABUY รายงานข่าวร้ายๆ ผ่านตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยแจ้งผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปีนี้ มีผลขาดทุน 865.24 ล้านบาท ลดฮวบลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 37.28 ล้านบาท

รวมงวด 9 เดือนแรกปีนี้มีผลขาดทุน 5,740.52 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 383.84 ล้านบาท

นอกจากนั้น ยังแจ้งการผิดนัดชำระหนี้สถาบันการเงินจำนวน 118.20 ล้านบาท รวมทั้งการแจ้งวาระประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 3 รุ่น วงเงินรวม 3,795.80 ล้านบาท เพื่อขอมติเลื่อนการไถ่ถอนหุ้นกู้ออกไป 3 ปี

ตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่อง CB หุ้น SABUY เนื่องจากผิดนัดชำระหนี้สถาบันการเงินและกำหนดให้ซื้อหุ้นด้วยเงินสด ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกมาเตือนผู้ถือหุ้นกู้ให้ใช้สิทธิร่วมประชุมในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้

และขอให้ผู้ถือหุ้นกู้ SABUY จำนวน 3 รุ่น ใช้สิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ศึกษาข้อมูล ซักถามผู้ออกหรือผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนและเพียงพอต่อการตัดสินใจลงมติ

สถานการณ์ SABUY ย่ำแย่มาตลอด ถูกข่าวร้ายกระหน่ำ ทั้งปัญหาสภาพคล่อง ปัญหาผลประกอบการที่ทรุดหนัก จนราคาหุ้นดิ่งลงต่อเนื่อง ล่าสุดวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาปิดที่ 50 สตางค์ จากที่เคยลงไปต่ำสุดที่ 39 สตางค์

แนวโน้มการดำเนินงานของ SABUY คงไม่ดีนัก เพราะแบกขาดทุนอ่วม และมีหนี้รอการชำระอีกอย่างน้อยกว่า 4,000 ล้านบาท จึงมีคำถามว่า SABUY รอดจากวิกฤตได้อย่างไร

ราคาหุ้น SABUY เคยพุ่งทะยานกว่า 30 บาท นักลงทุนรายย่อยแห่เก็งกำไรกันอย่างคึกคัก จนมีรายย่อยที่ติดค้างอยู่บนยอดดอย หรือแบกหุ้นต้นทุนสูงอยู่จำนวน 23,251 ราย

SABUY เคยติดทำเนียบหุ้นร้อน หุ้นเก็งกำไรยอดนิยม แต่วันนี้ตกอยู่ในสภาพหุ้นที่กำลังตายซาก

แต่ SABUY เป็นเพียงหุ้นตัวเล็กตัวร้าย หนึ่งในจำนวนหุ้นตัวเล็กตัวร้ายนับร้อยตัวที่สถานการณ์น่าเป็นห่วง ราคาหุ้นดิ่งลงก้นเหวเช่นเดียวกัน และฉุดนักลงทุนรายย่อย จำนวนรวมหลายแสนรายต้องบาดเจ็บล้มตาย

ตลอดปี 2567 หุ้นเก็งกำไรตัวเล็กแทบไม่ได้แจ้งเกิด เพราะนักลงทุนสถาบัน กองทุนวายุภักษ์ และนักลงทุนต่างชาติสนใจเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ

หุ้นตัวเล็กจึงตายสนิท ราคาซึมลงต่อเนื่อง สร้างจุดต่ำสุดใหม่กันเป็นแถว นักลงทุนรายย่อยที่แห่เข้าไปเก็งกำไร เหมือนถูก "ขังคุก" ติดหุ้นต้นทุนสูงจนไม่มีทางถอยออก

ยิ่งเป็นหุ้นร้อนเก็งกำไรยอดนิยมเท่าไหร่ ยิ่งมีรายย่อยเข้าไป "ติดกับ" จำนวนมาก ไม่เฉพาะ SABUY

หุ้นบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN อยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้เวลากี่ปี และฟื้นฟูกิจการสำเร็จหรือไม่ แต่มีผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ฝากชะตากรรมไว้จำนวน 21,390 ราย ยังไม่รวมผู้ถือหุ้นกู้อีกหลายพันรายที่อาจย่อยยับจากบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้

หุ้นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งราคาเคยวิ่งทะลุร้อยบาท แต่ปัจจุบันเหลือเพียงประมาณ 6 บาท มีผู้ถือหุ้นรายย่อย 42,659 ราย

หุ้นบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ซึ่งราคาหุ้นไหลลงมาอยู่ที่ 20 สตางค์เศษ มีผู้ถือหุ้นรายย่อยติดค้างอยู่ 10,380 ราย

หุ้นบริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA ซึ่งราคาถอยร่นลงเหลือ 14 สตางค์ มีผู้ถือหุ้นรายย่อยติดอยู่ 19,875 ราย

หุ้นบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งเคยเก็งกำไรกันร้อนแรงในช่วงที่ นายประเดช กิตติอิสรานนท์ นักลงทุนขาใหญ่และผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่หลังจากนายประเดชเทขายหุ้นทิ้ง

SUPER ก็สิ้นฤทธิ์ จากราคาที่เล่นกันสูงกว่า 1 บาท มุดหัวลงมาต่อเนื่อง จนเหลือเพียง 28 สตางค์ มีนักลงทุนรายย่อยติดอยู่ 34,395 ราย

แม้แต่หุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ที่ราคาลงมากองกับพื้นที่ 3 สตางค์ ยังมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 10,547 ราย

หุ้นตัวเล็กตัวร้ายนับร้อยบริษัทกำลังตายสนิท และไม่อาจคาดหวังอนาคตได้ เพราะปัจจัยพื้นฐานส่วนใหญ่เปราะบาง

ราคาที่เคยร้อนแรง เกิดจากการสร้างข่าวกระตุ้นการเก็งกำไร เกิดจากการสร้างราคาของนักลงทุนรายใหญ่ เจ้ามือและเจ้าของ

เมื่อบรรยากาศเก็งกำไรหุ้นเล็กปิดฉาก รายย่อยที่หนีออกไม่ทัน จึงติดกับดัก ขาดทุนกันย่อยยับรวมแล้วนับแสนนับล้านคน

น่าเห็นใจนักลงทุนรายย่อย ซึ่งนำเงินมาทิ้งในหุ้นเน่าๆ นับร้อยบริษัท คำนวณเป็นเงินน่าจะหลายล้านๆ บาท

ยุคเฟื่องของการเก็งกำไรหุ้นตัวเล็กน่าจะปิดฉากอย่างสมบูรณ์แล้ว นักลงทุนที่ติดดอยไว้แทบไม่เห็นโอกาสหลุดจากยอดดอย




ที่มา : MgrOnline