ช็อก!! ซีอีโออินเดียบริหารคู่ “อีลอน มัสก์” เดินหน้านโยบายทรัมป์ โวสั่งยุบ “กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ” ได้ทันทีหลังขึ้นคุม DOGE เดือดศาลสหรัฐฯ ห้ามรัฐหลุยเซียนาใช้ “บทบัญญัติ 10 ประการ” ในห้องเรียน

เผยแพร่ : 18 พ.ย. 2567 20:37:03
X
• รามาสวามียืนยันสามารถยุบกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ตามนโยบายของทรัมป์ได้ทันที

เอเจนซีส์/เอพี/MGRออนไลน์ - วิเวก รามาสวามี (Vivek Ramaswamy) นักการเมืองพรรครีพับลิกัน และซีอีโอเชื้อสายอินเดีย นั่งกุมบันเหียนร่วมอีลอน มัสก์ องค์กรเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานรัฐ DOGE วันอาทิตย์ (17 พ.ย.) ยืนยันยุบกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ตามนโยบายทรัมป์ได้ทันที หลังศาลสหรัฐฯ ห้ามรัฐหลุยเซียนาให้ นำบทบัญญัติ 10 ประการ (The Ten Commandment) ของศาสนาคริสต์กลับมาอยู่ในห้องเรียน วิกฤตการศึกษาอเมริกา รีพับลิกันโยงหลักศาสนาสั่งแบนหนังสือไปแล้วกว่า 10,000 เล่มจากโรงเรียนและห้องสมุด

ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันจันทร์ (18 พ.ย.) ว่า วิเวก รามาสวามี (Vivek Ramaswamy) นักการเมืองพรรครีพับลิกันและอดีตผู้สมัครลงชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอบไพรมารี และว่าที่ซีอีโอร่วมอีลอน มัสก์ คุมองค์กรอิสระเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานรัฐ DOGE (Department of Government Efficiency) ที่จะทำหน้าที่ขันนอตและตัดงบประมาณภาครัฐลง

ได้ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ของผู้จัด มาเรีย บาร์ติโรโม (Maria Bartiromo) วันอาทิตย์ (17) บอกเป็นนัยอย่างเปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ที่มีประวัติเป็นแค่แผนกการศึกษาเริ่มแรกเมื่อปี 1867 ภายใต้กระทรวงกิจการภายในสหรัฐฯ อ้างอิงจากวิกีพีเดีย ก่อนที่จะแยกออกมาเป็นกระทรวงมีรัฐมนตรีคุมในระดับรัฐมนตรีเมื่อในสมัยอดีตประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ เมื่อปี 1979 หรือเพิ่งก่อนยุค 80 นั้นจะ สามารถถูกยุบได้ในทันที

ในระหว่างที่คาร์เตอร์ จากพรรคเดโมแครตกำลังพยายามก่อตั้งกระทรวงศึกษาธิการนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะได้รับการต่อต้านอย่างหนักจากจำนวนมากในพรรครีพับลิกันที่มองว่า “กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ” นั้นขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ เป็นเพราะในกฎหมายไม่ได้เอ่ยถึง “การศึกษา” (education)

และยังอ้างว่า “ไม่จำเป็น” และการละเมิดที่ให้หน่วยงานรัฐเข้าแทรกแซงในกิจการท้องถิ่น อ้างอิงจากวิกีพีเดีย

วิเวก รามาสวามี ตอบในรายการฟ็อกซ์นิวส์วันอาทิตย์ (17) ว่า “พวกเราคาดหวังในการลดมหาศาล พวกเราคาดหวังว่ามีหน่วยงานเป้าหมายบางหน่วยจะถูกยุบไปในทันที”

เขาเคยพูดเมื่อสิงหาคมในการหาเสียงประชานิยมสุดโต่งแจกเงินว่า ยุบกระทรวงศึกษาธิการสามารถประหยัดไปได้ถึง 80 พันล้านดอลลาร์ และนำเงินเหล่านั้นมาแจกให้พ่อแม่เด็กทั่วประเทศแทน

ทรัมป์ซึ่งเหมือนเช่นคนในตระกูลทรัมป์ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯ และลูกชายคนล่าสุด บารอน ทรัมป์ ที่ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนผู้มีอันจะกินตั้งแต่เด็กประกาศนโยบายหาเสียง ยกเลิกกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ นั้น เอพีรายงานว่า เขาจะสั่งยุบกระทรวงผ่านมาตรการทางอำนาจฝ่ายบริหารถึงแม้ว่าบางส่วนของผู้สนับสนุนทรัมป์จะชี้ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนครั้งมโหฬารอย่างรวดเร็วเช่นนั้น

พบว่า ทรัมป์ต้องการกำจัดแนวคิดสนับสนุนทฤษฎี woke ของฝ่ายลิเบอรัลและแอฟริกันอเมริกันเคารพต่อความหลากหลายของเชื้อชาติที่มีอยู่ในบทเรียนและในโรงเรียน ซึ่งทางฝ่ายอนุรักษนิยมรวม วิเวก สวามี ระหว่างหาเสียงโจมตีแนวคิดลิเบอรัลว่า Go Woke Go Broke หรือ “การเป็น woke จะทำให้จน” 

ถือเป็นนโยบายกวาดล้างจากอเมริกันฝ่ายขวาต้องการกำจัดแนวคิดสายลิเบอรัลต่างๆ และมีการแบนหนังสือที่สะท้อนแนวคิดเหล่านั้น รวมไปถึงหนังสือที่มีการอธิบายประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ในยุคทาสที่ฝ่ายหัวขวาจัดมองว่า เป็นการสอนให้เด็กเกลียดบรรพบุรุษผิวขาวของตัวเอง

และให้สหรัฐฯ เดินหน้าในแนวคริสเตียนขวาจัด ที่ต่อต้านการยุติการตั้งครรภ์ และนำบทบัญญัติ 10 ประการกลับมาสู่สถาบันการศึกษาอีกครั้ง

เอพีรายงานว่า ทรัมป์ต้องการห้ามชั้นเรียนสอนเรื่องเพศทางเลือก LGBTQ และทฤษฎีการเหยียดสีผิวอย่างเป็นระบบ และต้องการกำจัดความหลากหลายและการร่วมกันแนวคิดลิเบอรัลภายในหน่วยงานรัฐ และยังต้องการไม่ให้นักกีฬาเพศทางเลือกอยู่ในกีฬาของผู้หญิง

โดยในวันแรกของการเป็นประธานาธิบดีในเดือนมกราคมปีหน้า ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะสั่งตัดเงินโรงเรียนใดก็ตามที่ยังเดินหน้าผลักดันทฤษฎีการศึกษาการเหยียดผิว ที่เรียกว่า critical race theory และรวมถึงการสอนเรื่องเพศทางเลือกหรือเนื้อหาทางการเมือง

ทรัมป์ที่ไม่ต่างจากนายธนาคารผู้เลือดเย็นและละโมบในศตวรรษ 19 ในหนังสือ A Christmas Carol ของนักเขียนชาวอังกฤษ ชาร์ลส์ ดิกเคนส์ (Charles Dickens) ได้ประกาศบนเวทีหาเสียงว่า “จะไม่ให้เงินแม้แต่เพนนีเดียวกับโรงเรียนที่กำหนดให้ต้องฉีดวัคซีนหรือต้องสวมหน้ากาก”

ซึ่งตลอดช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พรรครีพับลิกันได้ชี้ว่า โรงเรียนเป็นเสมือนสนามทางการเมืองที่ต้องยึดคืนจากพวกฝ่ายซ้ายลิเบอรัล

การออกมาประกาศเดินหน้าของ วิเวก รามาสวามี ในการยุบกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ นี้สะท้อนถึงปัญหาการเมืองและการศาสนาที่เข้าสู่รั้วโรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่เด็กอเมริกันหลากหลายเชื้อชาติและศาสนาอยู่ร่วมกัน

เดอะการ์เดียนเคยรายงานก่อนหน้าว่า เป็นที่น่าตกใจว่ามีหนังสือไม่ต่ำกว่า 10,000 เล่มถูกสั่งเซ็นเซอร์ห้ามนำเข้าห้องสมุดและชั้นเรียนในโรงเรียนรัฐระหว่างปี 2023-2024 เป็นจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจจากการที่รัฐต่างๆ ภายใต้พรรครีพับลิกันผ่านกฎหมายเซ็นเซอร์จำกัดหนังสือใหม่

NBC News รายงานเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ว่า ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้รัฐบาลมลรัฐหลุยเซียนากำหนดให้โรงเรียนรัฐตั้งแต่ประถมต้นไปจนถึงไฮสกูลและวิทยาลัยต้องแสดงบทบัญญัติ 10 ประการของศาสนาคริสต์ภายในเดือนมกราคมปีหน้า

ผู้พิพากษาศาลแขวง จอห์น ดีกราเวลลาส (John deGravelles) ได้พิพากษาคำสั่งก่อนชี้ขาดตัดสินคดี (preliminary injunction) เป็นไปตามคำร้องของฝ่ายโจทก์

NBC News รายงานว่า ทั้งนี้ก่อนหน้าผู้ว่าการรัฐหลุยเซียนา เจฟฟ์ แลนดรีย์ (Jeff Landry) ได้ลงนามในกฎหมายที่พรรครีพับลิกันสนับสนุนเมื่อมิถุนายน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนเดินหน้ารัฐในแนวทางอนุรักษนิยมเพื่อเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมของรัฐแดนใต้ตั้งแต่เรื่องสิทธิการยุติการตั้งครรภ์และความยุติธรรมทางอาญามาจนถึงด้านการศึกษา

แต่ทว่ากฎหมายอิงศาสนาดังกล่าวทำให้กลุ่มแนวร่วมผู้ปกครองชาวยิว คริสเตียน Unitarian Universalist และกลุ่มไม่มีศาสนาออกมายื่นฟ้องมลรัฐในศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ

โดยในคำฟ้องระบุว่า กฎหมายดังกล่าวนั้นแทรกแซงอย่างหนักต่อกฎหมายสิทธิพลเมืองสหรัฐฯ ฉบับแก้ไขข้อ 1 ที่ว่าด้วยสิทธิการแสดงความคิดเห็นในการที่จะเลี้ยงดูลูกของตัวเองไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม

ที่มา : MgrOnline