“ณวัฒน์” ลั่นไม่เชื่อคำพูด “ฟิล์ม” ทุกอย่างชัดด้วยหลักฐาน ห่วงคดีดิไอคอนล่าช้า จนเหล่าบอสถูกปล่อยตัว

เผยแพร่ : 18 พ.ย. 2567 16:52:37
X
• ณวัฒน์ไม่เชื่อคำให้การของฟิล์ม รัฐภูมิ คาดว่าจะถูกออกหมายจับเพราะหลักฐานชัดเจน
• ณวัฒน์เป็นห่วงคดีล่าช้า อาจทำให้ผู้ต้องหาหลัก (บอส) ได้รับการปล่อยตัว
• ณวัฒน์มองว่าฝ่ายบอสใช้กลยุทธ์เพิ่มพยานเพื่อให้การสอบสวนไม่ทันเวลา
• ณวัฒน์อยากให้ฟิล์ม รัฐภูมิ โฟกัสที่การช่วยเหลือคดีของบริษัท ดิไอคอน

“ณวัฒน์” ลั่นไม่เชื่อคำพูด “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ทุกคนกินข้าวไม่ได้กินหญ้า คาดน่าไม่รอด โดนออกหมายจับ เพราะทุกอย่างชัดด้วยหลักฐาน เผยอยากให้กลับมาโฟกัสดิไอคอน ห่วงคดีล่าช้า จนเหล่าบอสถูกปล่อย มองกลยุทธ์ทนายบอสพอล เพิ่มพยานเยอะๆ เพื่อยัดให้สอบไม่ทัน

ยังคงติดตามคดีดิไอคอนอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล”แม้จะถูกแตกประเด็นไปไกล จนถึงเรื่องนักร้องตบทรัพย์ อย่าง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” โดยได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กฉะฟิล์ม ว่าไม่มีใครกินหญ้านะครับ หลังอีกฝ่ายตั้งโต๊ะแถลงเรื่องคลิปเสียง ที่ถูกแฉว่าเรียก 20 ล้านจาก “บอสปัน” เพื่อเป็นค่าพีอาร์ในการพา “บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” ไปออกโหนกระแส ล่าสุดเมื่อวานนี้ (17 พ.ย. 67) ได้เจอณวัฒน์ ที่มาร่วมงานแฟนมีตติ้ง “1st Fam Meeting Englot in Bangkok” เจ้าตัวก็ได้เผยถึงเรื่องนี้ ว่าส่วนตัวฟังแล้วไม่เชื่อเลย แถมยังรู้สึกโมโหแทน “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ที่ถูกเอาชื่อไปใช้ด้วย

“ไม่มีอะไรหรอก ก็ขำๆ แหม มันก็ชัดซะขนาดนั้น สั้นๆ เลยคือด้วยฟิล์มเขามีคาแรกเตอร์ที่แปลกๆ อยู่แล้ว มันก็เหมือนว่าอีกแล้วเหรอ กี่เรื่องแล้ว แล้วเวลาเขาจะเถียงหรืออธิบายอะไร เขาไม่คำนึงถึงสิ่งที่เขาปฏิบัติอยู่ หรือพูดอยู่ ทำอยู่ มันขว้างงูไม่พ้นคอ ยังไงมันก็ต้องยอมรับอยู่แล้ว ซึ่งผมเลยพูดไปว่าเราก็กินข้าวกันนะ แล้วก็รู้สึกโมโหแทนหนุ่มนิดหนึ่ง เลยโพสต์ไป แต่ผมว่าประเด็นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนัก เพราะเป็นความเสียหายระหว่างบุคคลกับบุคคล

ผมยังโฟกัสที่ดิไอคอนอยู่ เพราะมันเป็น 5-6 แสนคน และเป็นการทำงานครบวงจรระดับใหญ่ ยังอยากให้โฟกัสตรงนี้ เพราะตอนนี้มันมาโฟกัสเรื่องเล็กๆ แตกประเด็นเยอะมาก จนทำให้สาระของดิไอคอน หรือหมายจับจะมีอีกไหม ถ้าไม่มีก็บอกไปเลย คนที่อยู่ในเครือข่ายในแต่ละเลเวล จะเป็นโจทก์หรือเป็นจำเลย อย่างคุณกบ ไมโคร แรกๆ เป็นโจทก์ หลังๆ ดูอยากเป็นพยาน สุดท้ายเหมือนจะเป็นจำเลย หนึ่งคนมันเป็นไปได้หมดเลยทุกอย่าง เพราะฉะนั้นอยากให้ชัดเจนเรื่องนี้ครับ

ถ้าข้อกล่าวหาไม่เพิ่ม 48 วันจะครบแล้วนะ ตามกฎหมายถ้าครบ 48 วันจะไม่สามารถส่งอัยการได้ ต้องเอาทุกคนออก ยุติการฝากขัง ออกมาเองโดนไม่ต้องประกัน แต่ถ้ามีฟอกเงินหรือแชร์ลูกโซ่ ก็จะเพิ่มผลัดกลายเป็น 84 วัน ถ้า 84 วันแล้วไม่ส่ง ก็ต้องออกหมด นั่นจึงเป็นกลยุทธ์ที่ทนายบอสพอลเพิ่มพยานทีหนึ่ง 2 พันปาก เพื่อพยายามยัดให้สอบไม่ทัน แต่ว่าเขาอาจจะไม่รู้ว่าทางตำรวจ มันไม่มีกฎข้อไหนที่ต้องสอบพยานครบ สอบตัวอย่างพยานได้ เพราะฉะนั้นคุณส่งมา 2 พัน สอบ 2 ปากก็ได้ ถือว่าจบ จะไปขู่เขาว่าอาจจะฟ้อง 157 นะ การทำงานโดยละทิ้ง ไม่แฟร์ อันนั้นน่าจะเป็นเรื่องของการใช้หลักการมากเกินไป ก็ต้องเห็นใจตำรวจด้วย”

สถานการณ์น่าห่วงตอนนี้ คือเรื่องความล่าช้า
“ความล่าช้า มันไม่รู้ไปอยู่กับใครแล้วตอนนี้ สื่อกับอินฟลูฯ ก็พยายามพูดขึ้นมาบ้าง แต่มันก็มีเรื่องอื่นมาแซงหมด หลังมรสุมทนายตั้ม (ษิทรา เบี้ยบังเกิด) ก็มาเรื่องฟิล์ม มันไปของมันเรื่อยๆ มันมีโจทก์ของมัน กระจัดกระจายไปหมด กลับมาที่เดิมเถอะ ถ้าทำอะไรให้มันไปสเต็ปต่อไปได้มันดีที่สุด ไม่งั้นจะอยู่ตรงนี้ งง”

ลั่นไม่เชื่ออยู่แล้วกับคำพูด “ฟิล์ม รัฐภูมิ”
ผมไม่เชื่ออยู่แล้วครับ โดยส่วนตัวผมมีสิทธิ์ เพราะผมเคยทำคุยแหกโค้งมาสมัยก่อน ผมก็สัมภาษณ์มาหมดแล้วทุกคน คือมันชัดเจนด้วยหลักฐาน มันปฏิเสธไม่ได้ครับ พูดเอง (เขายืนยันในโพสต์วันเกิด ว่าความจริงมีเพียงแค่หนึ่งเดียว?) ทุกคนก็พูดได้ครับ แม้กระทั่งคุณพัช (กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์) ก็พูด และมั่นใจว่าไปต่อสู้ในศาล ทุกคนจะประวิงเวลาตัวเอง ด้วยการบอกว่าไปสู้ในศาล เพื่อให้มีสเปซรู้สึกปลอดภัย แต่สุดท้ายสอบสวนกลางก็จะเร็ว เรียกไปสอบแล้วก็ไม่ให้ประกัน มันก็จะเป็นการเข้าฝากขัง”

คาดน่าจะโดนหมายจับเหมือน “กฤษอนงค์” เพราะอยู่คลิปเดียวกัน
“น่าจะโดน เพราะมันก็ใกล้เคียง อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ในคลิปเดียวกัน แล้วก็สนับสนุนเหตุการณ์ซึ่งกันและกัน ก็แล้วแต่ทางตำรวจ ถามว่ามีทางรอดไหม ฟังแล้วมันเป็นความผิดส่วนบุคคลครับ มันก็ไม่ได้ทำให้อาญาแผ่นดินมีความเสียหายนะ แต่ถามว่ามันผิดไหม ก็ผิด คือเรื่องของกฎหมายเนี่ย เวลาที่จะชี้ผิดถูก กฎหมายอาญาชี้จุดประสงค์มูลเหตุ บางทีเราทำผิด แต่ความไม่ตั้งใจ มันยังไม่ผิด แต่ถ้าเราตั้งใจ ถึงแม้เรายังทำไม่เสร็จ มันก็ผิด เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้มองว่าคุณทำแล้วหรือยังอย่างเดียว เขามองว่าคุณคิดที่จะทำอะไร มันไม่เหมือนกฎหมายแพ่งนะ อาญามองว่าแรงจูงใจคืออะไร เลยคิดว่าน่าจะเข้าข่ายค่อนข้างมากกว่าที่จะไม่เข้า”




ที่มา : MgrOnline