“นพรุจ” จวก “แม้ว” ด้อยค่าคนไทย หมิ่นนักร้องเรียนเป็นหมา ยื่น กกต.ฟันเพิ่มครอบงำเพื่อไทย-ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรฯ

เผยแพร่ : 18 พ.ย. 2567 13:21:53
X
• นายนพรุจ ระบุ คำพูดดังกล่าวด้อยค่าคนไทย และเป็นการครอบงำพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร
• การยื่นเรื่องครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. อุดรธานี
• นายนพรุจ ชี้ทั้งคำพูดและพฤติกรรมของนายทักษิณ มีผลต่อการเลือกตั้ง

“นพรุจ” ของขึ้น “ทักษิณ” หมิ่นนักร้องเป็นหมา ลั่นด้อยค่าคนไทย ยื่น กกต.เพิ่มปมขึ้นช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกอุดรธานี ชี้ ทั้งคำพูด พฤติกรรม ครอบงำพรรคเพื่อไทย-ผู้สมัคร

วันนี้ (18 พ.ย.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ซึ่งเคยเคลื่อนไหวสนับสนุน นายทักษิณ ชินวัตร หลังการรัฐประหารปี 2549 ได้ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ กกต.กรณีคำร้องยุบ 6 พรรคการเมือง โดยระบุว่า ยื่นเพิ่มเติมกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคี ที่วัดคลองครุ (ปัฐวิกรณ์) เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2567 และได้มีการให้สัมภาษณ์ ว่า จะลงพื้นที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี (อบจ.อุดรธานี) ซึ่งวันที่ได้มีการทอดกฐินก็ไม่ได้มีการคัดค้านจากฝั่งของพรรคเพื่อไทย ว่า จะไม่ให้ นายทักษิณ ผู้ต้องหาคดีทุจริตไปร่วมเป็นผู้ช่วยหาเสียงด้วย แสดงว่า พรรคเพื่อไทยปล่อยปละละเลยในการตรวจสอบตำแหน่งต่างๆ แล้วต่อมาเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 67 ที่ จ.อุดรธานี นายทักษิณ ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียง ซึ่งต้องไม่ลืมว่าทั้งผู้ช่วยหาเสียงและผู้สมัครนายก อบจ.เป็นไปตามมติของพรรคส่ง และตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 21 วรรคหนึ่ง ซึ่งพรรคต้องคัด และพิจารณาอย่างรอบคอบในการส่งผู้สมัครและตำแหน่งในทางการเมืองต่างๆ แต่จากคำสัมภาษณ์ของ นายสุรวงศ์ เทียนทอง และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กรรมการบริหารพรรคต่างๆ เห็นดีเห็นงามกับกรณีนี้ โดยคำปราศรัยของนายทักษิณ เมื่อวันที่ 13-14 พ.ย.นั้น พฤติกรรมเห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งยังมีคณะกรรมการบริหารพรรคมานั่งเป็นวอลเปเปอร์ในการปราศรัย แสดงให้เห็นว่า เป็นบุคคลที่มีความสำคัญ และในวันนั้น นายทักษิณ ยังมีการพูดถึงนโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงขั้นต่ำ 700 บาท ซึ่งยังไม่เคยปรากฏในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยเลย และมีการพูดว่าจะสั่งการให้รัฐบาลทำอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งไม่ได้พูดถึงนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. และผู้สมัครนายก อบจ.ในวันนั้นก็เป็นการไปแค่ยืนโชว์ตัว ซึ่งถ้อยคำของนายทักษิณ เป็นการครอบงำผู้สมัครนายก อบจ. เป็นการครอบงำมติพรรคด้วย และการคิดนโยบายต่างๆ ที่ออกนอกกรอบ ไม่เกี่ยวกับการหาเสียงนายก อบจ. ดังนั้น การหาเสียงในวันดังกล่าว จึงถือเป็นเวทีในการหาเสียงของนายทักษิณ และส่อที่จะมีอิทธิพลเหนือรัฐบาล ในการกำหนดนโยบายต่างๆ และการขานรับของกรรมการบริหารพรรค เป็นไปอย่างราบรื่นไม่ได้ขัดขวาง ดังนั้น วันนี้นายทักษิณ ถือเป็นสัญลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย

“คนไทยไม่ได้กินหญ้า รู้ว่าพรรคเพื่อไทยเป็นของนายทักษิณ และสามารถสั่งการได้ ไม่ได้เป็นการครอบงำ แต่เป็นการครอบครองพรรคเพื่อไทย และมีอิทธิพลเหนือ น.ส.แพทองธาร และกรรมการบริหารพรรคทุกคน ดังนั้น วันนี้จึงมายื่นร้องเพิ่มเติม ด้วยคลิปเสียงคำพูดในวันปราศรัยหาเสียง สิ่งที่ท่านพูดว่า หมาอยู่ส่วนหมา คนอยู่ส่วนคน เพิ่มเป็นบุคคลที่เหยียดหยามคนไทย ประเทศไทยเดิมเป็นประเทศที่ชื่อว่าสยาม ประเทศไทยแปลว่าสยาม สยามแปลว่าเสือ หยามไม่ได้ ท่านเป็นคนไทยหรือเปล่า ที่หยามคนไทยด้วยกัน ตนก็เป็นอดีตลูกน้องท่าน การที่มาร้องเรียนเกิดมาจากท่านทำตัวเหนือกฎหมาย ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ท่านเคยศึกษาหลักเสรีภาพ ความเสมอภาคบ้างหรือไม่ ในเมื่อเราเกิดเป็นลูกหลานแผ่นดินสยามทุกคน คือ เสือหยามกันไม่ได้ พรรคเพื่อไทยไม่ใช่เจ้าของแผ่นดิน ทำตัวเหนือกฎหมาย เหนือความถูกต้อง ถ้าไม่มีพฤติกรรมให้ร้องเรียนใครจะมาร้องได้ แล้วผมไม่กลัวจะถูกฟ้องร้องกลับ เราทำสิ่งถูกแม้จะตายก็ยอม”

นายนพรุจ กล่าวด้วยว่า นายทักษิณ ครอบงำพรรคโดยสิ้นเชิง ทั้งตึกชินวัตร 3 เป็นธุรกิจของทักษิณ บ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นของทักษิณ อยู่ในเวลาพักโทษเป็นสถานกักกัน ท่านชี้นำ ครอบงำ สั่งการ รวมทั้งควบคุมกิจการทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย 100% หลักฐานทั้งหมดเป็นของท่านทั้งสิ้น ตนไม่ได้แต่งเติม ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้หลักนิติรัฐนิติธรรม จะมาบอกว่า ทักษิณคือนิติรัฐนิติธรรมไม่ได้ ถ้าคิดว่าตนก้าวก่าย ร้องมั่วซั่วเป็นหมา ก็ฟ้องเลยจะได้สู้กันในศาล คนไทยจะได้รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด

ที่มา : MgrOnline