Review : Dyson 360 Vis Nav หุ่นยนต์ที่ดูดฝุ่นได้ทุกพื้นผิว ติดที่ราคาสูง
เผยแพร่ : 18 พ.ย. 2567 09:28:27
• แรงดูดทรงพลังกว่าแบรนด์อื่นๆ ในตลาด
• ทำความสะอาดได้ทั้งพื้นแข็งและพรม
การที่ Dyson นำความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องดูดฝุ่นไร้สายซึ่งมีมอเตอร์ที่ช่วยดูดฝุ่นแรงสูง มาใช้งานกับ Dyson 360 Vis Nav ทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้ ให้แรงดูดที่ทรงพลังกว่าหลายๆ แบรนด์ในท้องตลาด เหมาะกับใช้งานทั้งบนพื้นแข็ง หรือแม้แต่บนพรมก็สามารถดูดได้ จากการทำงานร่วมกับแปรงปัดที่ออกแบบมาพิเศษ
ในภาพรวมของ Dyson 360 Vis Nav ถ้าตัดเรื่องราคาออกไป จะกลายเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นหนึ่งที่น่าใช้งาน มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นแบรนด์ Dyson ตัวแอปฯ พัฒนามาให้สั่งงานได้ง่าย ไม่ต้องควบคุมอะไรซ้ำซ้อน แค่กดเลือกห้อง หรือพื้นที่ที่ต้องการทำความสะอาด แล้วก็ปล่อยให้หุ่นยนต์ทำงานไป
ในอีกมุมการที่ราคาจำหน่ายของ Dyson 360 Vis Nav เปิดมาที่ 43,900 บาท อาจทำให้เกิดความคาดหวัง เมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นหลายรุ่นที่จำหน่ายในไทย ในระดับราคานี้ จะได้ทั้งหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น ที่มีระบบเทฝุ่น ไปจนถึงซักผ้าม็อบอัตโนมัติ รวมถึงบางรุ่นมีการนำ AI มาคอยช่วยในการหลบหลีกสายไฟ หรือมูลสัตว์เลี้ยงในบ้านไม่ให้เลอะเทอะ
สำหรับดีไซน์ของ Dyson 360 Vis Nav จะมากับสีเฉพาะตัวของไดสัน ที่เป็นสีน้ำเงิน ตัดกลับสีเทาเข้ม เมื่อมองเข้าไปจะเห็น 2 ส่วนหลักๆ คือส่วนของตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น จะมีหัวแปรงติดอยู่ด้านหน้า ตามด้วยกล้อง VisNav แบบ 360 องศา ไว้ใช้ในการทำแผนที่บ้าน หรือห้องที่ต้องการใช้ทำความสะอาด
บริเวณแผ่นปิดสีเทา เมื่อเปิดออกมาจะพบกับแผ่นกรองอากาศแบบ HEPA ที่สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่ได้ คล้ายๆ ที่อยู่บริเวณท้ายของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายของไดสัน และมีหน้าจอทัชสกรีนไว้ควบคุมสั่งงานจากตัวเครื่องได้
อีกส่วนที่สามารถถอดออกมาได้คือถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่แบบใส ทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นฝุ่นที่บรรจุภายใน เมื่อเห็นว่าเต็มแล้วค่อยหยิบไปทิ้ง ด้วยระบบทิ้งฝุ่นลงถังแบบที่ไม่ต้องสัมผัสฝุ่นผง ซึ่งนอกจากช่วยให้ไม่ต้องทิ้งฝุ่นบ่อยๆ แล้ว ยังสามารถถอดชิ้นส่วนออกมาล้างทำความสะอาดได้ตามต้องการด้วย
ในส่วนของตัวแปรงทำความสะอาด Dyson เลือกใช้หัวแปลงแบบ Triple-action คือมีทั้งไนลอนขนนิ่ม ขนแปรงแข็ง และเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ต้านไฟฟ้าสถิต ซึ่งตัวขนนิ่มจะช่วยปัดฝุ่นบนพื้นแข็ง ในขณะที่ขนแปรง และเส้นใย จะช่วยปัดฝุ่นบนพรมขึ้นมาให้ดูดได้ ซึ่งแปรงตัวนี้ก็สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้เช่นเดียวกัน
ส่วนของแท่นชาร์จจะมีลักษณะเป็น 4 เหลี่ยมแนวนอน ที่มีส่วนเว้าด้านล่างเพื่อรับกับบริเวณแปรงปัดฝุ่น โดยขั้วสัมผัสในการชาร์จจะอยู่ตรงจุดที่ยื่นออกมา โดยจำเป็นต้องมีการประกอบแผ่นตารางหมากรุกด้านบนเพื่อให้ตัวเครื่องระบุตำแหน่งแท่นชาร์จด้วย
ขนาดของ Dyson 360 Vis Nav จะอยู่ที่ 32 x 33 x 9.9 เซนติเมตร น้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม ถังเก็บฝุ่นขนาด 0.5 ลิตร ระยะเวลาชาร์จแบตจนเต็มจะอยู่ที่ 2.75 ชั่วโมง โดยระยะเวลาในการทำความสะอาดต่อการชาร์จ 1 ครั้งจะอยู่ที่ราว 65 นาที ขึ้นอยู่กับโหมดที่เลือกใช้งาน และความสกปรกของพื้น
ทีนี้ ลองไปดูเทคโนโลยีที่อยู่ภายในของหุ่นยนต์ Dyson 360 Vis Nav กันบ้าง ซึ่งมีการนำจุดเด่นของมอเตอร์ดูดฝุ่น Hyperdymium มาใช้งาน ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นที่ให้มา ทำให้เวลาทำความสะอาดเข้าไปในจุดที่มีฝุ่นหนามอเตอร์ก็จะเร่งแรงดูดขึ้นมา เพื่อให้พื้นสะอาดที่สุด
ถัดมาคือระบบนำทาง Visual-SLAM ที่ใช้กล้อง และเซ็นเซอร์ ในการสร้างแผนที่ของบ้านขึ้นมา เพื่อให้หุ่นยนต์วางแผนเส้นทางในการทำความสะอาดให้ดีที่สุด โดยจะเริ่มเห็นผลเมื่อใช้งานไปสักพัก ระยะเวลาในการทำความสะอาดจะน้อยลง
ประกอบกับเมื่อเราทำการเชื่อมต่อผ่านแอปฯ My Dyson เวลาที่ทำความสะอาดเสร็จจะมีแผนภาพจุดที่ฝุ่นหนาขึ้นมาให้เราเห็น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาจจะเป็นจุดที่มีพรมเช็ดเท้า หรือในจุดที่มีฝุ่นสะสมอย่างหน้าประตู หรือริมหน้าต่าง
สรุป
Dyson 360 Vis Nav นับเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นประสิทธิภาพสูง ที่มากับค่าตัวที่แพงตามไปด้วย ส่วนที่ทำให้ประทับใจคือเรื่องของเส้นทางในการทำความสะอาด การเลือกปรับความดัง-เบา ในการทำงานได้ สามารถดูดได้ทั้งบนพื้นแข็ง และพื้นพรม ที่ให้ความสะอาดจากมอเตอร์พลังสูงด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดของเครื่องดูดฝุ่นที่ค่อนข้างสูงเกือบ 10 ซม. ทำไม่สามารถเข้าไปทำความสะอาดในบางจุดอย่างใต้ตู้ หรือชั้นวางของที่มีช่องว่างด้านล่าง กับอีกจุดคือการที่ใช้เซ็นเซอร์จากกล้องในการสร้างแผนที่ ทำให้ยังไม่มีความสามารถในการหลบหลีกวัตถุบนพื้น หรือบางจังหวะเข้าไปติดกับขาเก้าอี้ได้
ที่มา : MgrOnline