เดือด! ทนายธรรมราชออกตัวแรง ท้าหลวงพี่น้ำฝนจับพระปีนเสาระวังเจอสวน
เผยแพร่ : 17 พ.ย. 2567 20:29:14
• ทนายความจากจังหวัดธรรมราช เสนอตัวช่วยเหลือทางกฎหมายพระปีนเสา
• ทนายความท้าทายหลวงพี่น้ำฝน สอบถามอำนาจในการจับกุมพระปีนเสา และเตือนเรื่องการตอบโต้ทางกฎหมาย
• มีข้อมูลกล่าวหาพระปีนเสาทำสูติบัตรปลอมเพื่อย้ายออกจากวัดสามชุก โดยไม่เชื่อฟังเจ้าอาวาส
• ยังไม่ระบุชัดเจนว่าพระปีนเสาจะย้ายไปจำพรรษาที่วัดใด
นครปฐม - ทนายธรรมราช ออกตัวแรงรับช่วยดูแลกฎหมายพระปีนเสา ถามหลวงพี่น้ำฝนผ่านไลฟ์ใช้อำนาจอะไรจะบุกจับสึกระวังเจอสวน ขณะทนายพจน์ชี้มีข้อมูลปูด พระปีนเสาย่องทำสูติบัตรย้ายออกจากวัดสามชุก แต่ถูกระบุไม่เชื่อฟังเจ้าอาวาส ตั้งธงวัดไหนรับไว้หากควบคุมไม่ได้เจ้าอาวาสจะกลายเป็นผู้กระทำผิดเอง
วันนี้ (17 พ.ย.) จากกรณีประเด็นข่าว พระครูปลัดธีรธนัช เมตตฺตธมฺโม หรือฉายา "พระปีนเสา" ได้ตกเป็นประเด็นในการถกเถียงของสังคมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและเป็นที่จับตาเนื่องจากมีการเคลื่อนไหวและมีการฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าอาวาสวัดสามชุก ซึ่งล่าสุดได้มีหนังสือสั่งให้พ้นจากต้นสังกัดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 โดยในกระแสสังคมได้มีการถกเถียงถึงเรื่องดังกล่าวว่าถึงเวลาที่จะต้องทำการจับสึกหรือไม่
โดยล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางเพจทนายธรรมราช The Lawyer of legality. ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1.7 แสนคน ได้มีการขึ้นหัวข้อไลฟ์สด โดยใช้หัวข้อว่า "เคลียร์ทุกประเด็นทนายธรรมราช The Lawyer of legality." ซึ่งมีทนายพัฒน์ ร่วมไลฟ์ผ่านโซเชียล tiktok ทนายพัฒน์ช่องสอง ซึ่งได้มีการซักถามถึงประเด็นต่างๆ ของ พระครูปลัดธีระ หรือพระปีนเสา ซึ่งได้ถูกหนังสือสั่งให้พ้นจากสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 โดยในเนื้อหาได้มีการถามข้อมูลอย่างเข้มข้นในหลายประเด็น
ซึ่งทนายธรรมมราช ได้มีการเจาะจงตั้งคำถามและข้อสงสัยไปยังพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ว่าอาจจะมีการกระทำผิดในมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากมีบทบาทเป็นเจ้าพนักงาน และการกระทำความผิดของพระปีนเสา ยังต้องมีกระบวนการในการแจ้งความและตั้งอธิกรณ์ในการสอบปากคำเพื่อชี้มูลความผิดก่อน ไม่สามารถตัดสินและสามารถจับสึกได้ นอกจากนี้ ยังได้มีการโต้แย้งเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสูงและคำสั่งของมหาเถรสมาคมในข้อต่างๆ อีกหลายประเด็นแต่เจาะจงเน้นอยู่ของกรณีพระปีนเสา
โดยในการไลฟ์สดเมื่อคืนวานนี้ ทนายธรรมราช ได้แสดงความเห็นทั้งข้อกฎหมายและกฎของมหาเถรสมาคม และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ว่าพระปีนเสายังไม่ได้ถือว่ามีความผิดถึงขนาด จะต้องทำการสึก โดยหากจะทำการสึกจะต้องทำผิดร้ายแรงในกฎปาราชิก 4 ประกอบด้วย การเสพเมถุน การลักทรัพย์ การฆ่าคนตาย การอวดอุตริ ซึ่งได้มีกลุ่มคนซึ่งไม่ใช่ หลวงพี่น้ำฝนได้ออกมาประกาศว่าจะมีการติดตามตัวจับพระปีนเสามาทำการสึก หลังจากมีหนังสือขับให้พ้นออกจากวัดถามว่าเรื่องนี้ทำได้จริงหรือไม่
"ผมถามหลวงพี่น้ำฝน ด้วยความเคารพว่า ท่านได้อ่านกฎของมหาเถรสมาคม มาตรา 21 ปี 2538 ได้ครบถ้วนหรือไม่ และการที่เจ้าอาวาสวัดสามชุกมีการออกคำสั่งให้พระปีนเสาพ้นจากวัดสามชุก มีคนไปกดดันเจ้าอาวาสหรือเปล่า ผมเชื่อว่ามีคนไปกดดันเจ้าอาวาสให้มีการเซ็นหนังสือออกมา เพราะคำสั่งเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ยังไม่ครบ 7 วันตามคำสั่ง แต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ได้มีหนังสือให้พระปีนเสาพ้นจากวัดสามชุก ซึ่งความเป็นจริงจะต้องมีการตั้งอธิกรขึ้นมาก่อน และที่มีการประกาศว่าจะมีการตามจับตัวมาสึก ผมบอกไว้เลยว่า ใครจะเข้าไปจับท่านระวังท่านจะสวนกลับด้วย เพราะเป็นการป้องกันตัวโดยชอบ และตอนนี้มีคนดูแลท่านอยู่ ขอถามหลวงพี่พี่น้ำฝนว่า ท่านยังเป็นพระอยู่หรือเปล่ายังเป็นคนอยู่ไหม" ทนายธรรมราช ตั้งคำถามในไลฟ์สด
นอกจากนี้ ในหัวข้อของการไลฟ์ยังมีการพูดถึงประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะในมาตรา 21 โดยยังชี้ว่าหากจะดำเนินการเอาผิดกับพระปีนเสาก็จำเป็นจะต้องดำเนินการทางด้านกฎหมาย ซึ่งเจ้าตัวเมื่อถูกกล่าวหาก็มีสิทธิที่จะอุทธรณ์หรือฎีกาได้ และยังมีสิทธิไปร้องต่อศาลปกครองเพื่อคุ้มครองและหาข้อเท็จจริงต่อไปโดยยังมีห้วงเวลาไม่ใช่จะมีการจับสึกโดยทันที ซึ่งหากหลวงพี่น้ำฝนจะติดตามไปจับกุมและทำการสึก อาจจะผิดกฎหมายได้ ส่วนผู้ติดตามอาจจะถูกข้อหาเป็นผู้ร่วมสนับสนุน และยังถามไปว่าหลวงพี่น้ำฝน ได้อ่านกฎมหาเถรสมาคมได้ละเอียดหรือไม่อย่างไร
ด้านนายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร หรือทนายพจน์ นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้ออกมาให้ความเห็นว่า เรื่องนี้ต้องขอบอกกับทนายธรรมราชว่า อาจจะยังไม่หายเมาหมัด ว่าท่านอาจจะยังไม่ได้ดูข้อกฎหมายทั้งในเรื่องของ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ หรือกฎของมหาเถรสมาคม ที่ได้ออกมาพูดแสดงความเป็นห่วงหลวงพี่น้ำฝนว่าอาจจะกระทำความผิดมาตรา 157 ต้องขอเรียนแจ้งว่าพระสงฆ์ที่จะมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเป็นเจ้าพนักงานนั้นหมายถึงเจ้าอาวาส ตามมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนไปดำเนินการและปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานพระวินยาธิการ ภาค 14 ไม่ได้ดำเนินการในฐานะเป็นเจ้าอาวาส ฉะนั้นท่านไม่เกี่ยวข้อง ประการที่สองที่ท่านได้ไปตรวจสำนักปฏิบัติธรรมเถื่อน ที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐมนั้น ท่านไปเพราะการร้องขอของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สังกัด กอ.รมน. เพราะว่าสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวไม่ได้ขึ้นทะเบียนและไม่ได้มีการรายงานให้เจ้าคณะตำบลได้ทราบหรือมีการอนุญาตให้จัดตั้ง และหลวงพี่น้ำฝนเป็นประธานพระวินยาธิการ ภาค 14 ที่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าคณะภาค 14 และได้รับความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคม
ทนายพจน์ ยังกล่าวอีกว่า ขอฝากถึงพระปีนเสา หลังจากที่ท่านเจ้าอาวาสวัดสามชุก มีหนังสือขับท่านให้พ้นจากวัดสามชุก ท่านได้มีการไปไลฟ์สดบอกว่ากระบวนการล้มล้างพระพุทธศาสนา ทำลายพระพุทธศาสนาซึ่งได้มีการระบุชื่อด้วยทั้งกัน จอมพลัง หลวงพี่น้ำฝน และตนเอง ต้องขอบอกว่าตนเองนั้นไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปทำลายพระพุทธศาสนาได้ แต่ท่านต้องมองกลับไปที่ตัวเองก่อน เข้าทำนองที่ว่าก่อนจะโทษตัวเองให้โทษคนอื่นก่อน เพราะพฤติกรรมของตัวท่านเองมันไม่ได้เพิ่งเกิดแต่มันเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เพราะท่านได้ถูกขับออกมาจากวัดทั้งหมดแล้ว 5 วัด วัดสุดท้ายคือที่วัดสามชุกนี่เอง ท่านต้องสำรวจตรวจสอบตัวเองก่อนว่าพฤติกรรมของตัวท่านเองเป็นอย่างไร
ทนายพจน์ กล่าวต่อว่า ช่วงนี้ได้ทราบข่าวมาว่า พระปีนเสาได้เข้าไปพบกับทางเจ้าคณะอำเภอสามชุก และได้มีการให้ลงนามพ้นจากวัดตามหลักการ แต่ทราบว่า สาเหตุของการสั่งให้พ้นออกจากวัดสามชุกถูกระบุว่า เหตุที่ย้าย ถูกสั่งให้พ้นจากสังกัดในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เนื่องจากไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส เรื่องนี้ต้องบอกว่าท่านต้องหาวัดอยู่ให้ได้ภายใน 3 วัน หลังจากขาดจากต้นสังกัด ซึ่งหากนับตามหลักการจะสิ้นสุดในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567
หลังจากนั้นเจ้าคณะผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นท่านเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดในเขตปกครอง ในพื้นที่ที่พบเห็นและยังไม่พบว่าหาสังกัดวัดอยู่ได้ ก็สามารถที่จะให้สละสมณเพศได้ หากยังดื้อดึงสามารถที่จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทำการให้สละสมณเพศได้ และหากยังดื้อดึง มีโทษมาตรา 43 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ว่าผู้ใดขัดขืนในมาตร 21 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หากใน 3 วันไม่สามารถหาสังกัดวัดได้ ผู้ใดพบเห็นสามารถแจ้งความดำเนินคดีกล่าวโทษได้เลย"
ทนายพจน์ ยังกล่าวเสริมว่าล่าสุด ได้ทราบว่าได้มีหนังสือเวียนไปยังวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ในการจะรับพระเข้าอยู่ในสังกัด โดยเฉพาะพระปีนนเสา ที่มีพฤติกรรมแปลกๆ ซึ่งขอเตือนว่าหากรับไว้ในสังกัดแล้วควบคุมไม่ได้ อาจจะมีความผิดในมาตรา 54 ได้ เพราะท่านเป็นเจ้าอาวาสซึ่งมีสถานะเป็นเจ้าพนักงาน ซึ่งไม่สามารถควบคุมดูแลได้ ท่านเจ้าอาวาสวัดนั้นๆ อาจจะตกเป็นผู้กระทำความผิดได้ฐานไม่ควบคุมดูแลพระในสังกัดได้
ที่มา : MgrOnline