ศูนย์ฯเซ็นทรัล จุดหมายโกลบอลแบรนด์ เลือกผุดแฟลกชิป-เปิดสโตร์แรกในไทย

เผยแพร่ : 16 พ.ย. 2567 14:14:39
X
• พันธมิตรแบบองค์รวม (Holistic Partnership): ดูแลคู่ค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันยอดขาย
• เร่งสร้างผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Incubator): พัฒนาโปรแกรมเพื่อช่วยธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
• ใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (The Most Powerful Big Data): นำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนและดำเนินกลยุทธ์

ผู้จัดการรายวัน 360 - เซ็นทรัลพัฒนา ชูศักยภาพประเทศ เผย 3 กลยุทธ์ 1) Holistic Partnership ดูแลคู่ค้าตรงจุด ใกล้ชิด ช่วยผลักดันยอดขาย 2) Entrepreneurial Incubator โปรแกรมปั้นผู้ประกอบการ ติดสปีดให้ธุรกิจเติบโต 3) The Most Powerful Big Data ติดอาวุธธุรกิจ ด้วยฐานข้อมูลเชิงลึกที่ใหญ่ที่และแข็งแรงที่สุด อย่าง The 1 Ecosystem แข็งแกร่ง หนึ่งเดียวที่รวม 18,000+ ร้านค้าทั่วประเทศมากที่สุด เป็น House of Global Brands 76 แบรนด์ดังปักหมุดสาขาแรกในไทย และ 44 แฟลกชิพสโตร์ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลผลักดันแบรนด์ไทยแข็งแรง เสริมแกร่งนักธุรกิจรุ่นใหม่ เริ่มต้นและปั้นแบรนด์โตต่อเนื่อง ขยายสาขากับเซ็นทรัลทั่วประเทศ
 
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all และผู้พัฒนาธุรกิจ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล, โครงการที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ ตอกย้ำเบอร์หนึ่งธุรกิจศูนย์การค้าไทย ที่แบรนด์ทั้งไทยและต่างชาติไว้วางใจเปิดสาขาแรกและแฟล็กชิปสโตร์ ด้วยจุดแข็งที่มีศูนย์การค้า 41 แห่งทั่วประเทศ และที่ประเทศมาเลเซียอีก 1 แห่ง และทีมดูแล Tenant ที่มีศักยภาพดูแลแบรนด์อย่างครบวงจร นอกจากนี้ยังมี Retail Incubation Program เช่น Lead by Central Pattana ที่แข็งแกร่ง ช่วยสร้างความสำเร็จในการปั้นแบรนด์ใหม่กว่า 200 แบรนด์ พร้อม Big Data ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้คู่ค้าและลูกค้า ต่อยอด ‘The Ecosystem for All’ เพื่อให้ทุกฝ่ายเติบโตอย่างยั่งยืน

นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายขาย บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนา มุ่งสร้างอนาคตที่ดีและยั่งยืนให้กับทุกคน รวมถึงพันธมิตรคู่ค้า โดยมีศูนย์การค้ากว่า 41 สาขาใน Strategic Prime Locations ทั่วประเทศ พร้อมแบรนด์ร้านค้ากว่า 18,000 ร้านค้า และเป็น House of Global Brands ที่ได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ดังระดับโลก 76 แบรนด์ในการเปิดสาขาแรกในไทย รวมถึงแฟลกชิปสโตร์กว่า 44 แบรนด์ พร้อมการขยายสาขาทั่วประเทศและการสนับสนุนแบรนด์ไทยน้องใหม่มากกว่า 200 แบรนด์ ผ่านโปรแกรม ‘LEAD’ by Central Pattana”

16 แบรนด์ระดับโลก ปักหมุดไทย ลุยเปิดสาขาแรกต่อเนื่อง
“ปี 2567 แบรนด์ระดับโลกที่เชื่อมั่นเลือกเปิดสาขาแรกรวมถึงแฟล็กชิปสโตร์กับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ล้วนได้รับความนิยมเกิดเป็นกระแสไวรัล สร้าง Talk of the Town ทั่วประเทศ อาทิ

Food & Beverage: HIKINIKU TO COME ร้านแฮมเบิร์กสุดฮิตจากญี่ปุ่น สร้างกระแสถล่มทลายในไทย, KATSU MIDORI ร้านซูชิสายพานเจ้าดังจากญี่ปุ่น, TONKATSU AOKI ร้านทงคัตสึเจ้าดังจากญี่ปุ่นที่คนต่อคิวกว่า 2 ชั่วโมง, KAZAMA YAKINIKU เนื้อย่างสุดพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่น, BHC CHICKEN แบรนด์ไก่ทอดเกาหลีสร้างปรากฏการณ์การคิวยาว ยอดขายทะลุเป้ากว่า 300%, PIZZA MARU พิซซ่าชื่อดังส่งตรงจากเกาหลี ครั้งแรกในประเทศไทย, CHICHA SAN CHEN แฟล็กชิปสโตร์ร้านแรกที่เดียวในไทย กับชาระดับพรีเมียมจากไต้หวัน เป็นแบรนด์ชาแบรนด์เดียวในโลกที่ได้รับรางวัลสูงสุดจาก ITI เทียบเท่ากับรางวัล “มิชลิน 3 ดาว” 6 ปีซ้อน, KUMO KUMO CHEESE ร้านชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่นเจ้าดังจากประเทศจีน

Fashion & Lifestyle: BEYOND THE VINES กระเป๋าแบรนด์ดังจากสิงคโปร์ แฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกและใหญ่ที่สุด, RITUALS แบรนด์เครื่องหอมชื่อดังจาก Amsterdam, WILSON แบรนด์อุปกรณ์เทนนิสระดับโลก กับคอนเซ็ปต์ 360 Store รูปแบบใหม่แห่งแรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะมีสินค้าเสื้อผ้าและอุปกรณ์ครบครันสำหรับคนรักเทนนิส, APM MONACO แบรนด์เครื่องประดับหรูจากโมนาโก, CASETIFY แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เชี่ยวชาญด้านเคสโทรศัพท์และอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ปรับแต่งได้จากฮ่องกง, NATIONAL GEOGRAPHIC แบรนด์ร้านเสื้อผ้าและอุปกรณ์ท่องเที่ยวแห่งแรกในประเทศไทย, AERIE แบรนด์ชื่อดังจากอเมริกาที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้หญิง และ BOUNCETOPIA สวนสนุกเป่าลมยักษ์อันดับ 1 จากสิงคโปร์แห่งแรกในไทย ใหญ่สุดในเอเชีย เป็นต้น

ทั้งนี้ ในปีนี้ยังมีแบรนด์ระดับโลกที่เลือกกลับมาเปิดใหม่ในไทยอีกครั้งกับเรา อาทิ AESOP แบรนด์สกินแคร์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศออสเตรเลียเปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์ในคอนเซปต์ใหม่, และ GENKI SUSHI ซูชิสายพานจากญี่ปุ่น ใช้ Kousoku Train รถไฟความเร็วสูงเพื่อเสิร์ฟซูชิถึงโต๊ะ เป็นต้น”

นับเป็นการยืนยันความสำเร็จของการเป็นเบอร์หนึ่งศูนย์การค้าไทย ในฐานะจุดหมายปลายทางอันดับแรกที่แบรนด์ระดับโลกและแบรนด์ไทยชั้นนำเลือกขยายธุรกิจไปทั่วประเทศสู่ตลาดใหม่และขยายกลุ่มฐานลูกค้า แบรนด์ระดับโลก อาทิ
 BIRKENSTOCK, CAMPER, COACH, H&M, H&M HOME, LONGCHAMP, LULULEMON, MAISON KITSUNE, MASSIMO DUTTI, MCM, MUJI, POLO RALPH LAUREN, POP MART, UNIQLO, ZARA, HAIDILAO, SUSHIRO, YAKINIKU LIKE, NITORI, BOUNCETOPIA และล่าสุดกับการขยายในรูปแบบแฟล็กชิปสโตร์ของแบรนด์ GUESS, LEVI’S, MLB, NIKE, PUMA, SKECHERS, THE NORTH FACE แบรนด์ไทยชั้นนำ อาทิ AIIZ, BEAUTRIUM, CARNIVAL, JASPAL, GENTLEWOMAN, MK RESTAURANTS, BAR B Q PLAZA, และ BIG CAMERA เป็นต้น พร้อมช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มี ‘แพสชัน’ และ ‘แนวคิดสร้างสรรค์’ ให้มีโอกาสเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และเติบโตไปพร้อมกัน อาทิ RAVIPA, WITH IT, URTHE, YUEDPAO, โรงชาชงดี เป็นต้น ผ่านโปรแกรม ‘LEAD’ by Central Pattana คอร์สรีเทลที่ดีที่สุด สร้างความสำเร็จกว่า 200 แบรนด์

นอกจากนี้ ยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์หรูระดับโลกอย่างต่อเนื่องที่เลือกปักหมุดที่เซ็นทรัลภูเก็ต ตอกย้ำ The World's Luxury Magnitude ครบที่สุดนอกกรุงเทพฯ ได้แก่ BALENCIAGA, BOTTEGA VENETA, BURBERRY, BVLGARI, CELINE, DIOR, GUCCI, HERMÈS, LOUIS VUITTON, OMEGA, PMT THE HOUR GLASS, PRADA, SAINT LAURENT, TIFFANY & CO., VERSACE, และ ZEGNA รวมถึงแบรนด์ที่ปรับโฉมร้านใหม่ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต อาทิ ZARA, H&M, H&M HOME และ แบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ชั้นนำที่จะเปิดเพิ่มอีกในปีหน้าอีกด้วย

ชู 3 จุดแข็งเซ็นทรัลพัฒนา ช่วยแบรนด์เติบโตแข็งแกร่งในประเทศไทย
1. Holistic Partnership: ทีมงานเฉพาะทางทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่างใกล้ชิด “Tenant Centric” โดยมีความรู้และประสบการณ์ในการเข้าใจลูกค้าในแต่ละภูมิภาคอย่างลึกซึ้ง นำเสนอ Marketing Solution แบบ 360 องศา ช่วยผลักดันยอดขายและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน รวมถึงการ Co-create กับแบรนด์ เพื่อให้คู่ค้า ผู้ประกอบการท้องถิ่น และชุมชนเข้ามาอยู่ใน Ecosystem ที่ยั่งยืนของเซ็นทรัลพัฒนา เราทำงานกับแบรนด์ทุกขนาดเพื่อสร้างโอกาสและพัฒนาประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับคู่ค้าและลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
2. Entrepreneurial Incubator: โปรแกรมเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่ดีที่สุด เป็น Retail Incubation Programme กระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักตัวเองและสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้คำแนะนำจากกูรู พร้อมกลยุทธ์ที่ชัดเจน มีสนามให้ทดลองนำแนวคิดใหม่ๆ มาวิเคราะห์และปรับปรุงก่อนใช้จริง ช่วยจุดประกายความยั่งยืนให้ธุรกิจ โดยตัวอย่างเช่น โครงการ ‘LEAD’ by Central Pattana คอร์สรีเทลที่ดีที่สุด เรียนจริง ทำจริง โตจริง สร้างความสำเร็จในการปั้นแบรนด์ใหม่และสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ต่อเนื่องกว่า 200 แบรนด์ ในระยะเวลา 6 ปี ล่าสุด! ได้รับรางวัล Marketing Excellence Awards 2024 และในอนาคต ยังมีโปรแกรมเพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพพร้อมติดอาวุธให้ผู้ประกอบการอีกหลายมิติ ให้พร้อมเติบโต Scale-Up และขยายสาขาไปทั่วประเทศ

3. The Most Powerful Big Data: แบรนด์คู่ค้า Central Pattana มีอัตราการเติบโตสูงกว่าแบรนด์ทั่วไปถึง 2.7 เท่า เมื่อเข้าร่วม “โปรแกรม The 1 BIZ” Data Platform พร้อมใช้ ให้คู่ค้าเข้าถึง Data ที่ใหญ่และแข็งแรงที่สุด ผ่านการร่วมมือกับ The 1 ที่มีข้อมูลทั้งเชิงลึก และเข้าถึงได้ตรงจุด ด้วยฐานสมาชิกกว่า 21 ล้านคน พร้อมอัดฉีด 360 Marketing investment เพื่อทำ Marketing activation ทั้ง Campaign promotion และ Communication สนับสนุน Platform กว่าอีก 200 ล้านบาทต่อปี ติดปีกคู่ค้าด้วยบทพิสูจน์การเติบโตเพิ่มยอดขายเฉลี่ยให้แบรนด์เพิ่มขึ้นถึง 10% ภายในระยะเวลา 6 เดือนแรกของการเข้าร่วมโปรแกรม

สร้าง Scalable impact ระดับประเทศ
เซ็นทรัลพัฒนา ย้ำการเป็นผู้บุกเบิกตลาด โดยมี platform ทุก format ทั้ง Strategic Mall ทั่วประเทศ, Tourist Mall, Super Regional Mall, Luxury Mall & Luxury Outlet รองรับการเติบโตของแบรนด์คู่ค้า สามารถขยายแบรนด์ออกไปได้ทั่วประเทศ โดยมีไฮไลต์ คือ เซ็นทรัลเวิลด์ ที่ตั้งอยู่บน Strategic location ใจกลางกรุงเทพฯ มีคนสัญจรในย่านเฉลี่ยกว่า 600,000 คนต่อวัน เป็นศูนย์กลางธุรกิจและเป็นจุดหมายปลายทางของคนทั่วโลก และ ศูนย์การค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งเมืองหลัก-รอง และ 15 ศูนย์ Tourists Malls อาทิ เซ็นทรัล ภูเก็ต, สมุย, หาดใหญ่, เชียงใหม่, พัทยา, จันทบุรี, อยุธยา, นครสวรรค์, เซ็นทรัล กระบี่ ที่คาดว่าจะเปิดใน Q4 ปี 2568 และอีก 1 แห่งในมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังมีโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” big project ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) โดยในส่วนของ Central Park Office จะเปิดให้บริการใน Q3 ปี 2568 และศูนย์การค้า Central Park จะเปิดให้บริการใน Q4 ปี 2568 เกิด Scalable Impact ระดับประเทศได้ ดึงดูดคลื่นนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลเข้ามาพร้อมเม็ดเงินหมุนเวียนจากทั่วโลก

ที่มา : MgrOnline