นารายณ์แปลงรูป พลิกชีวิต พลิกชะตา กลับร้าย กลายเป็นดี งดงามอลังการ ด้วยรูปแบบศิลปะไทยร่วมสมัย

เผยแพร่ : 16 พ.ย. 2567 07:42:18
X
• ประเภทของผลงานประติมากรรม: อาจกล่าวถึงประเภท รูปแบบ วัสดุที่ใช้ เช่น รูปปั้น ภาพแกะสลัก ฯลฯ
• องค์มหาเทพที่เกี่ยวข้อง: ระบุองค์เทพที่เป็นศูนย์กลางของผลงาน เช่น พระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม หรือเทพองค์อื่นๆ
• สัญลักษณ์และความหมาย: อธิบายถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ในผลงาน และความหมายที่สื่อถึงความเชื่อทางศาสนา
• เทคนิคการสร้าง: กล่าวถึงเทคนิคหรือวิธีการสร้างผลงานประติมากรรม
• ความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรม: อธิบายถึงความสำคัญของผลงานต่อความเชื่อและวิถีชีวิตของผู้คน
หากมีเนื้อหาข่าวเพิ่มเติม สามารถนำมาสรุปเป็นข้อๆ ได้อย่างละเอียดขึ้น

คอลัมน์ ศิลปะแห่งศรัทธา
โดย ARTMULET

 สวัสดี
ครับ Artmulet ในสัปดาห์นี้จะขอกล่าวถึงผลงานประติมากรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อความศรัทธาที่มีต่อองค์มหาเทพสูงสุดในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิไวษณพนิกายเป็นผู้ที่มีฤทธิ์มีอำนาจมีความเก่งกล้าสามารถเป็นอย่างมาก เป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าเทพองค์ใดในจักรวาลสามารถอวตารหรือแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ตามแต่วาระที่ต้องการ เพื่อดับความทุกข์ยาก และประทานความสุขสมปรารถนา ทั้งโชคลาภ อำนาจ วาสนา บารมี และทรัพย์สินเงินทอง หากผู้ร้องขอพรเป็นผู้ประพฤติดีอยู่ในศีลธรรม

ส่วนอีกเรื่องนั้นเป็นเรื่องของวิชาที่สำคัญจากประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ที่เขียนขึ้นโดยมหาอำมาตย์ตรีพระยาทิพย์โกษา (สอน โลหะนันท์) และท่านพระครูปลัดมหาเถรานุวัตร (มหาแพ) ได้จัดพิมพ์เป็นธรรมทานในคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี มีอยู่ตอนหนึ่งที่ได้กล่าวถึงวิชาที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ทรงใช้ขณะที่ท่านได้หลีกเลี่ยงจากการเข้ารับการแต่งตั้งสมณะศักดิ์เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่

วิชาที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้นำมาใช้นั้น สามารถเปลี่ยนใบหน้าของท่านทำให้คนที่รู้จักกลับจำท่านไม่ได้และกลับเรื่องร้ายแรงของชีวิตให้กลายเป็นเรื่องดีงามเหมือนอย่างเช่นการกลับตาลปัตร

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เสด็จสวรรคตลง ซึ่งขณะนั้นพระมหาโตมีอายุได้ 64 ปี พวกข้าราชการได้ทูลอัญเชิญทูลกระหม่อมพระราชาคณะวัดบวรนิเวศน์วรวิหาร (รัชกาลที่ 4) ให้เสด็จนิวัติออกเถลิงราชย์ฯ พระมหาโตท่านได้ออกธุดงค์หายจากวัดไปนานหลายเดือน และการหายไปของพระมหาโตครั้งนั้น ทำให้รัชกาลที่ 4 ทรงกริ้วมาก ถึงกลับมีรับสั่งว่า “ท่านเหาะก็ไม่ได้ ดำดินก็ไม่ได้ แหกกำแพงจักรวาลหนีก็ยังไปไม่ได้” พระองค์จึงทรงรับสั่งให้พระญาณโพธิฯ ออกติดตาม แต่ก็ไม่พบ จึงทรงมีรับสั่งว่า “ฉันจะตามหาเอง”

ครั้นถึงเดือนเจ็ดปีนั้น มีกระแสรับสั่งถึงเจ้าเมืองทั่วราชอาณาจักร ให้จับพระมหาโตส่งมายังเมืองหลวงให้ได้ แต่ถึงแม้จะมีท้องตรารับสั่งเร่งรัดอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถพบพระมหาโตได้ เนื่องจาก “พระมหาโตลองใช้วิชาเปลี่ยนหน้า ทำให้คนรู้จัก กลับจำไม่ได้ เห็นเป็นพระองค์อื่น ปล่อยท่านไปก็มี”

วิชานี้เรียกกันในสายฤทธิ์ว่า “วิชานารายณ์แปลงรูป” ประดุจได้ดั่งองค์นารายณ์ที่สามารถอวตารเป็นร่างใดก็ได้ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น

จากตำนานเรื่องราวแห่งความเชื่อความศรัทธาขององค์พระนารายณ์ผู้เป็นใหญ่ด้วยฤทธิ์เดชและอำนาจเหนือกว่าผู้ใดในสามโลกสู่ผลงานประติมากรรมอันทรงคุณค่าที่มีศิลปะอันงดงามสุดอลังการ ด้วยพระนามอันยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ “นารายณ์แปลงรูป”  ด้วยการรังสรรค์ผลงานด้านจิตรกรรมและประติมากรรม ที่ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งองค์นารายณ์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวาลด้วยรูปแบบศิลปะไทยร่วมสมัย

เทวลักษณะทรงเครื่องเต็มยศมีพระพักตร์ที่สงบนิ่งแต่แฝงไปด้วยพลังแห่งฤทธิ์เดชและอำนาจแต่ก็เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา พระหัตถ์ซ้ายบนทรงสังข์สัญลักษณ์ของการมีชื่อเสียงคุณธรรมความดีปรากฏไปทั้งสามโลก พระหัตถ์ขวาบนทรงจักรสัญลักษณ์แห่งการเคลื่อนไปข้างหน้าขจัดปัญหาอุปสรรคทั้งปวง พระหัตถ์ขวาล่างทรงตรีสัญลักษณ์แห่งการปราบสิ่งชั่วร้ายทั้งสามโลก พระหัตถ์ขวาล่างทรงศรนารายณ์สัญลักษณ์แห่งการพุ่งตรงไปยังเป้าหมายสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ขาขวาประทับยืนย่อบนฐานทรงกลมบัวหงาย ยกขาซ้ายพร้อมก้าวสู่เป้าหมายข้างหน้า ฐานชั้นล่างเป็นลายน้ำสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์

ผลงานประติมากรรมแห่งศรัทธา  “นารายณ์แปลงรูป”  ครั้งนี้เป็นผลงานอันเกิดขึ้นจากการประยุกต์เรื่องราวแห่งความเชื่อความศรัทธาอันจะนำมาเป็นเครื่องเจริญสติแก่ผู้ที่ได้มีไว้ในครอบครอง

โดยผลงานประติมากรรม  “นารายณ์แปลงรูป”  ดังกล่าวนี้เป็นเรื่องราวอันมีความต่อเนื่องจากผลงานการจัดสร้างเหรียญสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) รุ่นนารายณ์แปลงรูป ที่ทาง ARTMULET ได้เคยจัดสร้างไว้แล้ว จากแนวคิดของ อ.ธนทัศน์ ทองเนียม ประธานดำเนิน งานแห่ง ARTMULET และ ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล  ที่ปรึกษาโครงการ ผ่านจิตรกรเอก อ.เกรียงกมล นาคบางแก้ว และประติมากร อ.สุชาติ แซ่จิว สองศิลปินผู้รังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างงดงามสุดอลังการน่าอัศจรรย์ทั้งรายละเอียดที่ดูอ่อนช้อยงดงามพริ้วไหวแต่ทรงพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย ทั้งหมดนี้เพื่อมอบไว้แด่ผู้ที่มีจิตศรัทธาและมอบไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนไทยสืบไป

สำหรับท่านที่มีศรัทธาและต้องการเก็บสะสมผลงานประติมากรรม  “นารายณ์แปลงรูป”  ในครั้งนี้ ท่านสามารถเลือกสั่งจองได้ตามรายการต่างๆ ดังนี้ครับ

ผลงานประติมากรรม “นารายณ์แปลงรูป”
ผู้ออกแบบแนวคิดและรังสรรค์ผลงาน : ARTMULET
ทุกชิ้นงานหล่อด้วยโลหะบรอนซ์ออสเตรเลีย (ทองสัมฤทธิ์)
พิธีบวงสรวงเทวาภิเษกและพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง
วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง : เพื่อร่วมจัดสร้างที่พักสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมและศาลาอเนกประสงค์
วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง

“นารายณ์แปลงรูป”
ขนาดความสูงฐานถึงปลายชฎา 7.5 นิ้วถึงรัศมี 8 นิ้ว
องค์นารายณ์สูงถึงปลายชฎา 6 นิ้ว
องค์นารายณ์กว้างแขนซ้ายถึงแขนขวา 4 นิ้ว
ฐานสูง 1.2 นิ้ว
ฐานกว้าง-ลึก 2 นิ้ว
จัดสร้างทั้งหมด 2 สี สีละ 999 องค์
เปิดให้สั่งจององค์ละ 9,999.-

ค่าจัดส่งขนาดสูง 8 นิ้ว 300 บาท ต่อ 1 องค์
กรณีรับที่วัดขุนอินทประมูลจ.อ่างทอง ไม่มีค่าส่ง

รายการจองในรอบนี้มีกำหนดประมาณการจัดส่งปลายเดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป
หลังผ่านพิธีบวงสรวงเทวาภิเษกและพิธีมหาพุทธาภิเษกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับท่านที่สนใจต้องการสั่งจองหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่
Facebook Inbox: Artmulet Official
Line ID: @artmulet
เว็บไซต์:www.artmulet.com
และที่วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง
T.0925577511


ที่มา : MgrOnline