"หนุ่ม กรรชัย" กร้าว! ตัดสัมพันธ์ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" อ้างชื่อตบทรัพย์ "บอสปัน" ซัดไร้ศักดิ์ศรี โทร.หา 3 ครั้งยังแถเป็นคลิปตัดต่อ

เผยแพร่ : 14 พ.ย. 2567 21:55:30
X
• หนุ่ม กรรชัย ประกาศตัดพี่ตัดน้อง ฟิล์ม รัฐภูมิ หลังถูกแอบอ้างชื่อเพื่อตบทรัพย์ บอสปัน
• หนุ่ม ยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ซัดฟิล์มเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี
• หนุ่ม เผยโทรหาฟิล์มถึง 3 ครั้ง เพื่อให้สำนึกผิด แต่ฟิล์มยังแถอ้างว่าเป็นคลิปตัดต่อ
นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย พิธีกรชื่อดัง
"หนุ่ม กรรชัย"ประกาศกร้าวตัดพี่ตัดน้อง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ทำเสื่อมเสียแอบอ้างชื่อตบทรัพย์ "บอสปัน" ยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ซัดเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี เผยโทรหาให้สำนึกผิดถึง 3 ครั้ง แต่ยังแถว่าเป็นคลิปตัดต่อ

วันนี้ (14 พ.ย.) ที่ กองปราบปรามเมื่อเวลา 19.20 น. นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย พิธีกรชื่อดัง กล่าวภายหลังให้ปากคำพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. กรณีที่มีคลิปเสียง น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ และ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ มีการแอบอ้างชื่อหนุ่มกรรชัยและรายการโหนกระแส เรียกรับเงินจาก น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอสปัน จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการให้นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ได้ไปออกรายการว่า มาให้ปากคำในกรณีที่มีคลิปเสียงของฟิล์มรัฐภูมิ และน.ส.กฤษอนงค์ ที่มีการพูดคุยกันกับบอสปัน โดยมีการกล่าวอ้างพาดพิงชื่อในการเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท เพื่อที่จะไปออกรายการโหนกระแส โดยใช้ถ้อยคำประมาณว่าสามารถที่จะเขียนบทหรือเขียนสคริปต์รายการให้ทางบอสพอลได้ หากบอสพอลมาออกรายการ

หนุ่มกรรชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการกล่าวอ้างอีกว่าผมเปิดทางให้แล้ว และผมเองก็สามารถชี้ผิดให้เป็นถูกได้ ซึ่งทุกสิ่งที่ได้มีการพูดออกไปในคลิปเสียงนั้น เป็นการหมิ่นประมาท และโกหกหลอกลวงคนอื่นเพื่อกรรโชกทรัพย์ เบื้องต้นจะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทก่อน แต่หากกฎหมายจะสามารถเอาผิดในเรื่องใดได้บ้างก็จะดำเนินการในทุกเรื่อง และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่มีการไกล่เกลี่ย ยอมความ หรือเจรจา เพราะผมไม่ใช่นักเคลียร์ ไม่ต้องมาเคลียร์กับผม

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากคลิปเสียงที่เรียกรับเงินกับบอสปันแล้ว ยังมีคลิปเสียงที่มีการกล่าวอ้างถึงรัฐมนตรีท่านหนึ่งด้วย ในวันนี้ได้มีการนำมามอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่า ในส่วนนี้ต้องให้ทางรัฐมนตรีคนดังกล่าวเป็นคนดำเนินการเอง ส่วนตัวได้มีการส่งคลิปให้กับท่านรัฐมนตรีแล้วยืนยันว่าภายหลังจากที่มีการดำเนินการเข้าแจ้งความแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกับทางตัวฟิล์มรัฐภูมิแต่อย่างใด

"ก่อนแจ้งความ 1 วัน ได้โทรศัพท์หาฟิล์มถึง 3 ครั้ง เพื่อถามข้อเท็จจริง แต่ทางเขายืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำ และอ้างว่าเป็นคลิปตัดต่อ ซึ่งขณะที่โทรหา ยังหวังให้ฟิล์มพูดความจริง และหากเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นผู้กระทำจริงก็จะไม่เผยแพร่คลิปที่มีความยาวถึง 29 นาทีที่มีอยู่ในมือ และจะให้โอกาสเจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงกับสังคม แต่เมื่อไม่ยอมรับ จึงตัดสินใจวางสายและตัดขาดความสัมพันธ์พี่น้องในทันที และโทรหาทนายความส่วนตัวเพื่อดำเนินการเข้าแจ้งความเอาผิด ทั้งนี้อยากฝากข้อความสุดท้ายกับฟิล์มไว้ว่า หากมีอะไรเกิดขึ้นต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด" หนุ่ม กรรชัย กล่าว

หนุ่ม กรรชัย กล่าวอีกหลังจากที่พูดคุยจบแล้ว ทางฝั่งของฟิล์มก็มีการโทรกลับมาหาอีกหลายครั้ง แต่ผมเลือกที่จะไม่รับสายอีกต่อไป หลังจากนั้นทางฝั่งตัวฟิล์มจะออกมาพูดอะไรก็เชิญ แต่คิดว่าประชาชนรวมถึงผมเองไม่ได้กินหญ้า ทุกคนกินข้าว ไม่ใช่ควาย เรามีสมอง มีสามัญสำนึกและมีวุฒิภาวะ ที่จะรู้ได้ว่าอะไรคืออะไร สิ่งที่คุณออกมาพูด คุณจะกลายเป็นตัวตลกด้วยซ้ำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่ น.ส.กฤษอนงค์ กล่าวอ้างว่า ไม่ใช่การกรรโชกทรัพย์แต่เป็นการเสนอแนวทางการแก้ปัญหาภาพรวมทั้งหมดของธุรกิจนั้น ฟังขึ้นหรือไม่ หนุ่ม กรรชัย ระบุว่า ต้องถามว่าทางน.ส.กฤษอนงค์ ตีความคำว่ากรรโชกทรัพย์ว่าอย่างไร เพราะจากที่ฟังการที่ไปบอกว่าหากไม่ทำแบบนี้ ผมจะชี้ผิดชี้ถูก ซวยเลยนะ คนที่กลัวอยู่ก็ต้องตกใจและยอมจ่าย รวมถึงเจ้าตัวก็มีทนายในมือ ก็ให้ไปถอดคลิปเสียงทีละคำดูว่าเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์หรือไม่ ผมไม่ชอบคนที่อาศัยจุดอ่อนของคนอื่นเพื่อหาผลประโยชน์ วิธีการดังกล่าวไม่แฟร์และไม่ถูกต้อง ทั้งนี้อยากให้ทุกคนที่ถูกบุคคลเหล่านี้กระทำดังกล่าว ให้ออกมาร้องทุกข์เพิ่มได้เลยไม่ต้องอาย อย่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสังคม

หนุ่ม กรรชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องเรียกค่าเสียหายนั้นเชื่อว่าชื่อเสียงที่เสียไปไม่ใช่แค่ตัวเลข 20 ล้านบาท เพราะทำงานมานาน มีมูลค่ามากกว่านั้น หากจะเรียกก็จะเรียกมากกว่า 20 ล้านบาท ที่ผ่านมาผมและทีมงานรายการโหนกระแสถูกนำชื่อไปอ้างและหลอกลวงประชาชนมาเยอะ แต่ไม่คิดว่าจะถูกนำไปหลอกเอาเงินมูลค่าขนาดนี้

เมื่อถามว่าจะใช้คำว่า มันจบแล้วครับน้องได้หรือไม่ หนุ่ม กรรชัยถามกลับว่า เขาเป็นน้องผมตอนไหน ผมไม่มีน้องแบบนี้ และไม่ได้สนิทอะไร แค่ทำงานร่วมกัน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเกินไป เพราะเป็นจำนวนเงินที่เยอะ และเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม ลำบากยากแค้นถึงขั้นต้องทำขนาดนี้เลยหรือ ไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรือ และสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ไร้ศักดิ์ศรี

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรจะฝากเตือนบุคคลเหล่านี้หรือไม่ พิธีกรชื่อดัง กล่าวว่า เตือนแล้วฟังหรือไม่ ไม่เตือนดีกว่า เพราะผิดชอบชั่วดีเป็นสิ่งที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์สั่งสอนตั้งแต่เด็ก ๆ สิ่งที่คุณเป็นอยู่วันนี้ ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เด็ก ๆ ว่า ที่บ้านคุณสอนหรือไม่ ว่าเป็นคนดีอย่างไรไม่ต้องให้คนอื่นมาสอน


นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์

ที่มา : MgrOnline