ดีเอสไอ ค้นห้องเช่า “บอสพอล” ซุกทรัพย์สิน นาฬิกาหรู สร้อยคอทองคำ มูลค่ากว่า 40 ล้าน ก่อนโดนรวบ

เผยแพร่ : 22 ต.ค. 2567 22:20:24
X
• ดีเอสไอ ตรวจค้นเป้าหมายพบทรัพย์สิน "บอสพอล" :
• ค้นพบนาฬิกาหรูและสร้อยคอทองคำ คาดมูลค่า 40 ล้านบาท
• ทรัพย์สินถูกนำไปเก็บรักษา :
• ถูกนำไปเก็บรักษาในห้องมั่นคง
• ประสานตรวจสอบ :
• ดีเอสไอ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบทรัพย์สินที่พบ

MGR Online - ดีเอสไอ ตรวจค้นเป้าหมายพบทรัพย์สิน "บอสพอล" ทั้งนาฬิกาหรู สร้อยคอทองคำ คาดมูลค่า 40 ล้านบาท นำเก็บรักษาห้องมั่นคง ประสานตรวจสอบ

วันนี้ (22 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวน พร้อม พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ พ.ต.ต.ธฤตวัน วนาพัทธ์ รอง ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และ นายวิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว อำนวยการตรวจค้น และควบคุมการปฏิบัติ และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำหมายค้นเข้าตรวจค้นและยึดอายัดทรัพย์สินของ "บอสพอล" ที่ถูกนำมาซุกซ่อนในห้องเช่าภายในซอยรามอินทรา 9 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

เบื้องต้น สามารถตรวจยึดทรัพย์สินเป็นนาฬิกาหรู 19 เรือน หนึ่งในนั้นคือนาฬิกาหรู Richard Mille RM 53-01 และ Richard Mille RM 35-02 ซึ่งทั้ง 2 เรือนนี้ มีมูลค่ารวมกันกว่า 33 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีพระเครื่อง และสร้อยคอทองคำ , รองเท้าและกระเป๋าแบรนด์เนมอีกหลายรายการ รวมมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท

ร.ต.อ.วิษณุ เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้มาจากการที่มีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสว่าเห็นรถซูเปอร์คาร์สีเหลือง จดจำหมายเลขทะเบียนได้ชัดเจน และเห็น "บอสพอล" ลงจากรถ มาดูห้องเช่าแห่งนี้ ก่อนที่วันต่อมา "บอสอ๊อฟ" คนสนิทบอสพอล จะมาติดต่อทำสัญญาและจ่ายเงินค่าเช่าห้อง และวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้ขนย้ายทรัพย์สินจำนวนมาก ใส่กล้องลังขนาดใหญ่หลายกล่องมาไว้ที่ห้องเช่าแห่งนี้ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมาที่ห้องนี้อีก ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการเช่าห้องเพื่อนำทรัพย์สินมาซุกซ่อน ไม่ใช่เพื่อการอยู่อาศัย

สำหรับของกลางทั้งหมดดีเอสไอได้ตรวจยึดไว้ และจะนำไปตรวจสอบ ก่อนที่จะแถลงสรุปผลการตรวจค้นอีกครั้งในวันที่ 24 ต.ค.67

นอกจากนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มอบหมาย กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ขออนุมัติทำการสืบสวน กรณีการประกอบธุรกิจของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่าเข้าข่ายกระทำความผิด ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 รวมทั้ง ความผิดฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 อันมีคดีมูลฐานจากข้อหาฉ้อโกงประชาชน

โดยพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีอยู่ และได้มีการประสานการปฏิบัติงานร่วมกันในการสืบสวนและติดตามทรัพย์สินที่เกิดจากการกระทำความผิด เพื่อส่งมอบให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำหรับเป็นทรัพย์ในการเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย ซึ่งมีการดำเนินการมาโดยต่อเนื่องนั้น

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิด หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด สามารถแจ้งมายัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ หมายเลขโทรศัพท์ 084 700 1741 โดยจะเก็บข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ



ที่มา : MgrOnline