วว. ร่วมมือ 25 หน่วยงาน ขับเคลื่อนการบริหารดัชนีสมรรถนะสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย

เผยแพร่ : 21 ต.ค. 2567 18:25:17
X
• วว. ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจกับ 25 หน่วยงาน
• เป้าหมาย: บูรณาการข้อมูลเพื่อสร้างเครือข่ายการบริหารดัชนีสมรรถนะสิ่งแวดล้อมของไทย
• ผลลัพธ์: ช่วยวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างครบถ้วน
• หน่วยงานที่ร่วมมือ: คาดว่าจะช่วยผลักดันการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.ประทีป วงศ์บัณฑิต รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย นายเฉลิมชัย จีระพันธุ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม วว. เข้าร่วมพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจการบูรณาการข้อมูลเพื่อสร้างเครือข่ายการบริหารดัชนีสมรรถนะสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ระหว่าง 25 หน่วยงาน โดยมี นายประเสริฐ ศิรินภาพร เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีฯ และกล่าวต้อนรับ โดยการลงนามฯ ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณการประสานความร่วมมือฯ มุ่งไปสู่การยกระดับค่าคะแนนดัชนีสมรรถนะสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ให้บรรลุตามที่ปรากฏในแผนแม่บทย่อย ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น 18 การเติบโตอย่างยั่งยืน ตัวชี้วัด “ดัชนีสมรรถนะสิ่งแวดล้อม” (Environment Performance Index : EPI)

โอกาสนี้ รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน วว. ได้กล่าววิสัยทัศน์เพื่อร่วมขับเคลื่อนการบริหารดัชนีสมรรถนะสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยว่า วว. เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวง อว. มีปณิธานที่มุ่งมั่นในการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ให้สามารถเติบโตอย่างมั่นคง ท่ามกลางความผันแปรที่ท้าทายรอบด้าน วว. ขอเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการบริหารจัดการดัชนีสมรรถนะของประเทศ ทั้งทางด้านข้อมูลของพื้นที่ป่าสงวนชีวมณฑลสะแกราช อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ที่ วว. ดูแล และการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การวิเคราะห์ถึงประสิทธิผล ประเด็นปัญหาเร่งด่วน ตลอดจนการใช้ประโยชน์ด้านการกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตของประเทศอย่างยั่งยืน

อนึ่ง พื้นที่ป่าสงวนชีวมณฑลสะแกราช อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา มีเนื้อที่ประมาณ 78 ตารางกิโลเมตร (48,750 ไร่) เป็นสถานที่เพื่อการวิจัยทางด้านสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยาป่าเขตร้อน มีนักวิจัยทั้งภายในประเทศและต่างประเทศเข้ามาศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีงานวิจัยในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 920 เรื่อง ส่งผลให้สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราชมีองค์ความรู้จากการวิจัยและได้สร้างสรรค์ภูมิปัญญาให้แก่นักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นห้องปฏิบัติการธรรมชาติ สำหรับนักเรียน นักศึกษา เพื่อการศึกษาและวิจัยทางธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นต้น

โดย วว. ได้รับการสนับสนุนทุนจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ดำเนิน โครงการฐานข้อมูลพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราชเพื่อการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ในปี พ.ศ. 2565 และโครงการพัฒนาพื้นที่ป่าสงวนสะแกราช รองรับสภาวะการเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืนทรัพยากรธรรมชาติ ในปี พ.ศ. 2564 โดยมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นพันธมิตรร่วมดำเนินงาน ประสบผลสำเร็จในการจัดทำ ฐานข้อมูลมวลชีวภาพการกักเก็บคาร์บอนและการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในระบบนิเวศป่าไม้ เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดการพื้นที่ป่า รองรับต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมีการเพิ่มพื้นที่ป่าในพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช ภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่ป่าสงวนสะแกราชฯ ประกอบด้วย 

1. กิจกรรมการปลูกป่า 50 ไร่ มีปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เท่ากับ 58.450 ตัน/ปี 

2. แปลงสาธิต สำหรับการฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม เนื้อที่ 15 ไร่ มีปริมาณการดูดซับคาร์บอนฯ เท่ากับ 17.535 ตัน/ปี 

3. แปลงสาธิตการเพิ่มพื้นที่ป่าโดยการปลูกไม้วงศ์ยางผสมเชื้อเห็ด เนื้อที่ 30 ไร่ มีปริมาณการดูดซับคาร์บอนฯ เท่ากับ 35.070 ตัน/ปี 

เมื่อคิดเป็นเนื้อที่จากการเพิ่มป่าทั้งหมด 95 ไร่ พบว่ามีปริมาณการดูดซับคาร์บอนฯ เท่ากับ 111.055 ตัน/ปี และในอีก 5 ปีข้างหน้า จะสามารถดูดซับ คาร์บอนฯ เท่ากับ 210.045 ตัน/ปี โดยดำเนินการในการติดตามอัตราการรอด การเจริญเติบโตของกล้าไม้ และประเมินศักยภาพของการดูดซับคาร์บอนฯ ทุกปี


ที่มา : MgrOnline