เจ้าหน้าที่ย้อนรอยตรวจชุมชนลัทธิประหลาด พลาดตกหลุมพรางเจ็บ 3 ส่วนสมุนฤาษีลาโก ไม่รอด

เผยแพร่ : 21 ต.ค. 2567 15:44:44
X
• เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ นำกำลังย้อนรอยตรวจชุมชนลัทธิประหลาด
• ลัทธิประหลาดปลูกเพิงพักอาศัยบนภูเขาในเขตอุทยานฯ
• เจ้าหน้าที่พลาดตกหลุมพรางได้รับบาดเจ็บ 3 คน
• สมุนฤาษีลาโกหลบหนีไม่รอด

กาญจนบุรี - เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เขื่อนศรีนครินทร์ นำกำลังย้อนรอยตรวจชุมชนลัทธิประหลาด พลาดตกหลุมพราง เจ็บ 3 ส่วนสมุนฤาษีลาโกไม่รอด หลังลักลอบเข้ามาปลูกเพิงพักอาศัยบนภูเขาในเขตอุทยานฯ ท้องที่หมู่ 3 บ้านองหลุ ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มอบหมายให้นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า พันธุ์พืช นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปรามและควบคุมไฟป่า นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)

ร่วมกับ นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ชาญณรงค์ อินลา ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ ตชด.13 เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ด่านแม่แฉลบ เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ศรีสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ ตร.กก.5 บก.ปทส.สนธิกำลังกว่า 200 นาย

เข้าจับกุมตัวฤาษีลาโก หรือพี่ใหญ่ หัวหน้าลัทธิประหลาดพร้อมลูกศิษย์ จำนวน 30 ราย เป็นชาย 11 ราย หญิง 10 ราย เด็กหญิงและชาย จำนวน 9 ราย ทั้งหมดเป็นบุคคลไม่มีสัญชาติ ที่ลักลอบเข้ามาปลูกเพิงพักอาศัยบนภูเขาในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ท้องที่ หมู่ 3 บ้านองหลุ ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาวันที่ 14 ก.ย.67 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ได้นำกำลังย้อนกลับไปตรวจสอบที่ชุมชนฤาษีลาโกอีกครั้งหนึ่งและสามารถจับกุมลูกศิษย์ของฤาษีลาโก เป็นชายได้อีก จำนวน 2 ราย และวันที่ 18 ก.ย.ลูกศิษย์ฤาษีลาโก ที่ถูกเจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนัก ได้ติดต่อผ่านผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 บ้านองหลุ ต.นาสวน เพื่อขอเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่เพิ่มอีก 10 คน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ 21 ต.ค.67 นายคุณากร บุญเกื้อสง นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เชื่อว่ากลุ่มลิทธิประหลาดที่เป็นลูกศิษย์ของฤาษีลาโก ที่ลักลอบเข้ามายึดถือครอบครองผืนแผ่นดินไทยในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ท้องที่บ้านองหลุ หมู่ 3 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เป็นที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่

โดยเมื่อวันที่ (20 ตุลาคม 2567) ที่ผ่านมาตนได้สั่งการให้ คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ นำโดยนายอำพล ไหลยิ้ม พนักงานพิทักษ์ป่า หัวหน้างานสายตรวจป้องกันปราบปรามส่วนกลาง นายบุญสุข ตองแก้ว พนักงานพิทักษ์ป่า หัวหน้าชุดลาดตระเวนที่ 1 และนายกิตติภพ นงรัตน์ พนักงานพิทักษ์ป่า หัวหน้าชุดลาดตระเวนที่ 3 พร้อมกำลังรวม 20 นาย เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ชุมชนฤาษีลาโก ชุมชนลัทธิประหลาดอีกครั้งหนึ่งท่ามกลายสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก

เมื่อไปถึงพบเพิงพักอาศัยสร้างขึ้นใหม่ จำนวน 1 หลัง ในขณะที่คณะเจ้าหน้าที่กระจายกำลังเข้าดำเนินการตรวจค้นเพิงพักปรากฎว่านายอำพล นายบุญสุข และนายกิตติภพ หัวหน้าชุดลาดตระเวน ได้พลัดตกลงไปในหลุ่มพลางลึกประมาณ 1 เมตร ถูกไม้ไผ่ปลายแหลมเสียบเข้าที่ขาได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นาย โดยทั้ง 3 นายตกลงไปกันคนละหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องช่วยเหลือกันอย่างทุลักทุเล ระหว่างนั้นเองเจ้าหน้าที่พบลูกศิษย์ฤาษีลาโก เป็นชาย 1 ราย กำลังนอนเล่นอยู่ภายในเพิงพัก และกำลังจะวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่จำนวนนึ่งจึงวิ่งไล่ติดตามไปจนสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้

สำหรับอาการบาดเจ็บของนายอำพล ไหลยิ้ม พนักงานพิทักษ์ป่า หัวหน้างานสายตรวจป้องกันปราบปรามส่วนกลาง ถูกคมแหลมจากไม้ไผ่แทงจนกล้ามเนื้อขาฉีก ส่วนนายบุญสุข ตองแก้ว พนักงานพิทักษ์ป่า หัวหน้าชุดลาดตระเวนที่ 1 ถูกไม้ปลายแหลมทิ่มแทงเข้าที่บริเวณเท้าทั้งสองข้าง และนายกิตติภพ นงรัตน์ พนักงานพิทักษ์ป่า หัวหน้าชุดลาดตระเวนที่ 3 ถูกคมแหลมไม้ไผ่ทิ่มแทงจนกล้ามเนื้อขาฉีก เจ้าหน้าที่ต้องรีบช่วยกันนำตัวกลับมารักษาบาดแผลที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นการเร่งด่วน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย ปลอดภัยแล้ว

จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่ากลุ่มลัทธิประหลาดสมุนฤาษีลาโก ได้ขุดหลุมพรางเอาไว้โดยรอบเพิงพัก จำนวน 7 หลุม แต่ละหลุมมีลักษณะเป็นหลุมสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดความกว้าง ประมาณ 50 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 2 เมตร และความลึก ประมาณ 1 เมตร โดนที่ก้นหลุมมีขวากไม้แหลมคมที่ทำจากไม้ไผ่ปักอยู่เป็นจำนวนมาก สำหรับบริเวณปากหลุมพรางมีการนำไม้ไผ่มาวางก่ายกัน ปิดทับด้วยกิ่งไม้ แล้วพรางด้วยดินโคลนและใบไม้ให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำลายต่อไป

นายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เปิดเผยว่า สำหรับชายชาวกะเหรี่ยงลูกสมุนฤาษีลาโก หัวหน้าลัทธิประหลาดที่ถูกจับกุมตัวได้ในครั้งนี้นั้น ไม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้ จึงได้มอบหมายให้นายอรรถพล ผลช่วย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ที่สามารถพูดภาษากะเหรี่ยงได้มาเป็นล่ามในการสอบสวน

จากการสอบสวนทราบชื่อคือนายซอดี ไม่มีนามสกุล เป็นชนเผ่ากะเหรี่ยงนอกราชอาณาจักร อายุ 48 ปี เป็นสามีของนางแล้ ไม่มีนามสกุล อายุ 37 ปี และเป็นบิดาของเด็กชายแซ่ ไม่มีนามสกุล อายุ 2 ขวบที่ถูกเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว ระหว่างวันที่ 11 - 12 กันยายน 2567 ทีผ่านมา

โดยนายซอดี ให้การผ่านล่ามว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมฤาษีลาโก พร้อมลูกศิษย์ ระหว่างวันที่ 11-12 ก.ย.นั้น ตนได้วิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่บนยอดสันเขาที่อยู่ไม่ไกลมานัก จากนั้นจึงรอดูสถานการณ์ จนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่เดินทางกลับไปหมดแล้ว จึงตัดสินใจลงจากสันเขามาพักอาศัยอยู่ที่เพิงพัก ส่วนหลุมพรางที่ขุดเอาไว้ก็เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ โดยหากเจ้าหน้าที่ตกลงไปในหลุมตนก็จะได้ยินเสียง แล้วจะสามารถทำให้หลบหนีการจับกุมไปได้

หลังจากนายซอดี ให้การยอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ฐาน ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 54 และมาตรา 55 ประกอบมาตรา 72 ตรี มีความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฐาน ร่วมกันยึดถือ ครอบครองที่ดิน รวมตลอดถึงก่อสร้าง แผ้วถาง ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (1) ประกอบมาตรา 41 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ฐาน ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31


ที่มา : MgrOnline