“สมศักดิ์” ชู 3 นโยบายบริหาร สธ. เชื่อ พลิกโฉมอนาคตสาธารณสุขไทย

เผยแพร่ : 20 ต.ค. 2567 13:04:24
X
• สมศักดิ์ บรรยายวิสัยทัศน์อนาคตระบบสาธารณสุขไทย
• 3 นโยบายสำคัญ:
• ลดการเกิดโรคเรื้อรัง (NCDs)
• บริหารจัดการงบประมาณที่จำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ
• สร้างความเข้มแข็งให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และ อสม.
• เป้าหมาย: พลิกโฉม สร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับระบบสาธารณสุขไทย

“สมศักดิ์” บรรยายอนาคตระบบสาธารณสุขไทย ชู 3 นโยบายสำคัญ “ลดป่วย NCDs -บริหารจัดการงบประมาณที่จำกัด-สร้างความเข้มแข็งบุคลากรทางการแพทย์ อสม.” เชื่อเป็นการพลิกโฉม สร้างอนาคตที่มั่นคงระบบสาธารณสุขไทย

วันนี้ (20 ต.ค. 2567) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้บรรยายพิเศษหัวข้อ “อนาคตระบบสาธารณสุขไทย”ในงานประชุมวิชาการสถาบันมหิตลาธิเบศร-ปธพ.X-ปนพ.1 โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า พลอากาศเอก นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา กรรมการแพทยสภา นักศึกษาหลักสูตร ปนพ.รุ่นที่ 1 ปธพ.X และ ปธพ.ทุกรุ่น เข้าร่วม ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นำทางการแพทย์ รุ่นที่ 1 ปนพ. 1 และหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง หรือ ปธพ. X ที่สำเร็จการศึกษา และเข้ารับใบประกาศและเข็มเกียรติคุณในวันนี้ รวมถึงถือเป็นเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับตนที่ได้มาบรรยายพิเศษให้กับทุกคน ในหัวข้อ"อนาคตระบบสาธารณสุขไทย" ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข มีสถานพยาบาลในสังกัด จำนวน 6,092 แห่ง ทำงานร่วมกับสถานพยาบาลนอกสังกัด กว่า 5,000 แห่ง เช่น รพ. โรงเรียนแพทย์ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนไปยังท้องถิ่น และมีบุคลากรกระทรวงสาธารสุข ทุกประเภท 389,837 อัตรา ส่วนงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ยปีละ 20,000 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ 2568 กระทรวงสาธารณสุข ได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 340,000 ล้านบาท คิดเป็น 9.09 % ของงบประมาณภาพรวมของประเทศ

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่าในขณะเดียวกันประชาชนมีปัญหาสุขภาพที่รุมเร้าโดยเฉพาะจำนวนผู้ป่วยโรค NCDsที่เพิ่มสูงขึ้นจากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์มีผู้ป่วยเบาหวาน 6.5ล้านคนความดัน 14ล้านคนโรคไตทุกระยะประมาณ 1ล้านคนมะเร็งรายใหม่ 1.4แสนคนต่อปีและมีปัญหาสุขภาพจิตสูงถึง 10ล้านคนซึ่งปี 2562มีงานวิจัยของกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับ WHOบ่งชี้ว่าคนไทยเสียชีวิตเพราะ NCDsปีละกว่า 400,000รายและสูญเสียต้นทุนทางเศรษฐกิจกว่า 1.6ล้านล้านบาทต่อปีแบ่งเป็น ค่ารักษาพยาบาลทางตรงจำนวน 139,000ล้านบาทและความสูญเสียทางอ้อมจำนวน 1.5ล้านล้านบาทตนจึงได้กำหนด 7นโยบายสำคัญสำหรับปี 2568ภายใต้เป้าหมาย"ยกระดับการสาธารณสุขไทยสุขภาพแข็งแรงทุกวัยเศรษฐกิจสุขภาพไทยมั่นคง”โดยวันนี้จะขอโฟกัส 3เรื่องคือ 1. NCDS 2. การบริหารจัดการงบประมาณที่จำกัดและ 3. การสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายบุคลากรสุขภาพและอสม.

“อย่างที่ผมได้เกริ่นไปว่า NCDsถือเป็นภาระหนักของงานสาธารณสุขเพราะงบประมาณจำนวน 127,651ล้านบาทของสปสช.ในปี 2560เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค NCDsสูงถึงกว่า 62,138ล้านบาทซึ่งเมื่อลองมองลึกขึ้นเช่นโรคไตโรคไตเรื้อรังจากรายงานกรมควบคุมโรคพบว่าในปี 2566พบผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง 1,062,756คนเพิ่มขึ้นจากปี 2565มากถึง 85,064คนหากดูงบสปสช.ที่จัดสรรเฉพาะให้กับโรคไตย้อนหลัง 5ปีนั้นพบว่าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีงบละ 946ล้านบาทจากปีงบประมาณ 64-68เพิ่มสูงขึ้นถึง 38.96%ดังนั้นเพื่ออนาคตของระบบสาธารณสุขไทยที่ยั่งยืนผมจึงผลักดันนโยบายเช่น 1. โรงเรียนเบาหวานวิทยานับคาร์บลดไขมันเพิ่มโปรตีน 2. กระเป๋าอสม.กับการรณรงค์ลดผู้ป่วย NCDs 3. การใช้สมุนไพรไทยกินเป็นไม่ป่วย 4. การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก HPVที่ดีขึ้น (4เป็น 9สายพันธุ์) 5. มีแนวคิดที่จะกำหนดให้ NCDsเป็นวาระแห่งชาติ 6. แคมเปญ "สุขภาพดีภาษีมีลด"ซึ่งได้พูดคุยกับกระทรวงการคลังเบื้องต้นแล้ว” รมว.สาธารณสุขกล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่าเรื่องที่ 2คือการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรสาธารณสุขเพราะ Pain pointสำคัญที่ตนพบเจอมากที่สุดในฐานะรมต.และส.ส.หลายสมัยคือเรื่องงบลงทุนที่ไม่เพียงพอโดยในปีงบ 68กระทรวงสาธารณสุขขอไปเกือบๆ 100,000ล้านบาทแต่ได้รับเพียง 12,000ล้านบาทตนจึงได้มีแนวคิดเรื่องการจัดแหล่งงบประมาณอื่นเพื่อการลงทุนพัฒนาระบบสุขภาพแบ่งคร่าวๆเป็น 8หมวดได้แก่งบประมาณประจำปีเงินบำรุงเงินกู้ต่างประเทศเงินบริจาคธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์เช่าบริการรายเดือน /ปีงบกองสลากและเอกชนร่วมลงทุนโดยแต่ละหมวดก็จะมีหลักเกณฑ์แนวทางการบริหารให้มีความเหมาะสมตามบริบทและศักยภาพของพื้นที่เช่นหากให้เอกชนร่วมลงทุนต้องดูความคุ้มค่าเช่นการสร้างอาคารจอดรถแต่ถ้าเป็นในพื้นที่ห่างไกลก็ให้ใช้งบประมาณประจำปีงบกองสลากเป็นต้นซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนาระบบสาธารณสุขของไทยจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่าเรื่องสุดท้ายที่ตนจะพูดในวันนี้คือการสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายบุคลากรสุขภาพและอสม.โดยบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขมีจำนวนสูงถึงเกือบ 400,000คนทำงานดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศแต่ปัจจุบันอัตรากำลังที่โรงพยาบาลการกำหนดตำแหน่งและอัตราความก้าวหน้าไม่สอดคล้องกับบริบทและ dynamicของการให้บริหารสุขภาพตนจึงได้เร่งรัดให้จัดทำพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการสาธารณสุขและไม่เพียงแต่บุคลากรสาธารณสุขเท่านั้นอสม.ก็เช่นกันโดยอสม.กว่า 1ล้านคนคือหัวใจของภาคีเครือข่ายของสาธารณสุขดังนั้นเพื่อสร้างความก้าวหน้ามั่นคงยั่งยืนและกำลังใจให้กับอสม.จึงได้เร่งรัดการออกพ.ร.บ.อสม.ด้วยเช่นกันโดยทั้งหมดนี้เป็นการพลิกโฉมอนาคตระบบสาธารณสุขนำไปสู่ก้าวต่อไปของประเทศภายใต้เป้าหมาย“ยกระดับการสาธารณสุขไทยสุขภาพแข็งแรงทุกวัยเศรษฐกิจสุขภาพไทยมั่นคง”ให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีที่สุดและสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับระบบสาธารณสุขไทย


ที่มา : MgrOnline