“อัครแสนคีรี”ถาม“ซาบีดา”ถึงแนวทางแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำประปาทั้งระบบ ชี้ หลายตำบล ในชัยภูมิ ยังเข้าไม่ถึงประปาสะอาด

เผยแพร่ : 18 ต.ค. 2567 13:28:30
X
• นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 ตั้งกระทู้ถามแยกเฉพาะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
• นายอนุทิน มอบหมายให้นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ชี้แจง
หมายเหตุ: เนื้อข่าวไม่ได้ระบุประเด็นกระทู้ถาม จึงสรุปได้เพียงเท่านี้

เมื่อวันที่(17 ต.ค.)นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 ตั้งกระทู้ถามแยกเฉพาะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมอบหมายให้นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ชี้แจง ถึงประเด็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำประปาทั้งระบบ
.
โดยนายอัครแสนคีรี ตั้งคำถามถึง การแก้ไขปัญหาน้ำประปา จากสถิติอัตราการเข้าไม่ถึง น้ำประปาในเขตเมือง อยู่ที่ 3.3% ขณะที่เขตชนบท อยู่ที่ 12.8% ซึ่งถือว่าสูงกว่า 4 เท่า แต่ข้อเท็จจริง ปัญหาการขาดแคลนน้ำประปา อย่างจังหวัดชัยภูมิ ยังมีพื้นที่เกินครึ่ง ที่ไม่ได้รับการจัดสรร สาเหตุอาจจะมาจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง หรืองบประมาณที่ไม่เพียงพอ ซึ่งตนทราบว่า ปี 2567 การประปา ได้รับการจัดสรรงบลงทุน ตามรายงานประจำปี 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ความต้องการขยายเขตน้ำประปาทั้งระบบ มีเป็นแสนล้านบาท
.
ดังนั้นจึงอยากทราบว่า กรณีที่ตกเป็นข่าว ว่าจะมีการดำเนินการลงทุนการประปาทุกอำเภอ ของประเทศไทย มีแนวคิดอย่างไร และใช้แหล่งเงินทุนใดมาลงทุน รวมถึงกระบวนการสำรวจออกแบบ ว่าได้สั่งการให้การประปาในแต่ละพื้นที่ เร่งออกแบบโครงการไว้แล้วหรือไม่
.
โดยนางสาวซาบีดา ตอบว่าปัจจุบัน มีผู้ให้บริการน้ำประปา ทั้งหมด 878 อำเภอ เป็นส่วนภูมิภาค 625 อำเภอ นครหลวง 12 อำเภอ และ 50 เขตกรุงเทพมหานคร รวมถึง ส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีก 241 อำเภอ ซึ่งการลงทุนภาพรวมทั่วประเทศ ทุกหน่วยงานสามารถใช้เงินของหน่วยงานตัวเองในแต่ละพื้นที่ เมื่อได้รับการประสานงานจากหน่วยงานท้องถิ่น เช่นการที่ประปาจะเข้าไปขยายเขต จะต้องดูเจตจำนงของอปท.ด้วย เพื่อเข้าไปสำรวจออกแบบ หากมี ก็ทำแผนศึกษาโครงการ เพื่อนำเข้าสู่แผนประจำปีปฏิทินงบประมาณ และขอรับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาล
.
ส่วนแผนที่จะมีในทุกอำเภอ ตอบตามตรงว่า ตนเติบโตมากับท้องถิ่นต่างจังหวัด เข้าใจสภาพปัญหาดี ถึงความขาดแคลนน้ำประปาเป็นอย่างไร แต่ปัญหาที่ตนเคยเจอ บางพื้นที่ เมื่อ อปท. ยื่นเจตจำนงไปยังการประปาส่วนภูมิภาค 1.ต้องทำประชาพิจารณ์ 2.ต้องผ่านสภาท้องถิ่น ว่าจะสามารถอนุมัติได้หรือไม่ แต่ปรากฏว่า บ่อยครั้งที่ ไม่ผ่าน 2 ขั้นตอนนี้ ทำให้การประปาส่วนภูมิภาค ไม่สามารถเข้าไปขยายเขตในพื้นที่นั้นได้
.
ทั้งนี้ เรามีแผนตั้งใจไว้จะขยายระบบประปา ให้ครอบคลุมทั้งหมด 878 อำเภอ ซึ่งได้มีการพูดคุยและตกลงกันแล้ว ว่าจะขอเพิ่มวงเงินงบประมาณ 2569 เพิ่มเส้นเลือดฝอย ใน 443 อำเภอเดิมที่ขยายเขตประปาอยู่แล้ว วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท โดยมีอำเภอใหม่ 7 อำเภอ 4 ร้อยกว่าล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำ MOU ระหว่างการประปาส่วนภูมิภาค กับกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้มีความร่วมมือ 4 ข้อ คือ 1. ให้คำปรึกษาทางวิชาการแก่ประปาหมู่บ้าน หรือประปาท้องถิ่น 2. ขยายเขตน้ำประปาให้ครอบคลุมมากขึ้นทั้ง กปภ. และอปท. 3 ให้ อปท. รับน้ำ กปภ. ไปบริการหรือจำหน่าย 4 โอนกิจการประปาจาก อปท. ให้ กปภ.
.
จากนั้น นายอัครแสนคีรี ได้ถามต่อถึง การลงทุนสร้างแหล่งผลิตน้ำประปา และการขยายเขตประปา ต้องใช้งบลงทุนเรื่องใดบ้าง คิดเฉลี่ยต่อกิโลเมตรเป็นเงินเท่าใด
.
นางสาวซาบีดา ตอบว่า ต้องใช้งบก่อสร้างระบบประปา เช่นการสูบน้ำดิบผลิตน้ำ ระบบจ่ายน้ำ ซึ่งค่าก่อสร้างวางระบบ จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแหล่งน้ำดิบในพื้นที่ สภาพพื้นที่ก่อสร้าง ระยะทางระหว่างสถานีการกระจายตัวของผู้ใช้น้ำ และรูปแบบวิธีการก่อสร้างที่เหมาะสม รวมถึงการวางท่อ โดยพื้นที่ราบกับพื้นที่สูง การประเมินงบประมาณจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ ดังนั้นการประมาณการลงทุนก่อสร้างจึงจะต้องสำรวจออกแบบพื้นที่ก่อสร้างก่อน จึงจะสามารถบอกได้ว่าใช้วงเงินงบประมาณที่เท่าไร แต่ปกติถ้าเป็นหมู่บ้านจัดสรร ในพื้นที่ที่อยู่ใกล้กันหรือมีภูมิประเทศที่เอื้ออำนวย ก็จะลงทุนเฉลี่ยต่อ 20,000 บาท ต่อราย หากเป็นพื้นที่สภาพภูมิประเทศ ไม่เอื้ออำนวย ก็จะมีวงเงินที่ค่อนข้างสูงกว่า

ก่อนที่ นายอัครแสนคีรี ได้เสนอให้การประปาส่วนภูมิภาคจัดหาเงินกู้เพื่อมาลงทุนในการขยายเขตประปาเนื่องจากการประปาเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีกำไร ก่อนจะชี้ให้เห็นถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำประปา ของจังหวัดชัยภูมิ โดยเฉพาะ 7 ตำบล ในอำเภอแก้งคร้อ และ 5 ตำบล ในอำเภอคอนสวรรค์ ที่ยังไม่มีท่อไหล และระบบส่งน้ำของการประปา จึงอยากฝากรัฐมนตรี ช่วยให้การพิจารณา เพื่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และได้ยื่นปัญหาความเดือดร้อนของชาวชัยภูมิต่อ รมช.ซาบีดา




ที่มา : MgrOnline