ชาวเน็ตโอด! เสียดายโอกาสสื่อไม่ได้สัมภาษณ์ “บอสพอล” ชี้เกมนี้กำลังตกอยู่ในมือเขา หวั่นขุดคุ้ยยากขึ้น

เผยแพร่ : 15 ต.ค. 2567 10:56:07
X
• ผู้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเสียดายที่สื่อไม่สามารถสัมภาษณ์ "บอสพอล" เกี่ยวกับที่มาของเงินจำนวนมาก
• ผู้โพสต์ชี้ว่า "บอสพอล" ฉลาด รู้ทางหนีทีไล่ และสื่อสารได้ดี
• ผู้โพสต์หวั่นว่า "บอสพอล" อาจจะควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้การขุดคุ้ยข้อมูลยากขึ้น

หนุ่มโพสต์เฟซบุ๊กในประเด็นที่น่าสนใจ ชี้เสียดายสื่อไม่มีโอกาสได้สัมภาษณ์ “บอสพอล” ในประเด็นเงินจำนวนมากมาจากไหน ชี้นักธุรกิจรายนี้ฉลาด รู้ทางหนีทีไล่ สื่อสารได้ดี โอดเกมนี้กำลังจะตกอยู่ในมือของเขา หวั่นทำให้ขุดคุ้ยได้ยากขึ้น

วันนี้ (15 ต.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Nattharavut Kunishe Muangsuk” ได้ออกมาโพสต์ข้อความน่าสนใจ เผยเสียดายโอกาสที่สื่อหลักไม่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “บอสพอล” ซีอีโอบริษัท The iCon Group ในประเด็นเงินจำนวนมากมาจากไหน ชี้เกมนี้กำลังจะตกไปอยู่ในมือของนักธุรกิจรายนี้

"คุยกับน้องนักข่าว เห็นเหมือนกันว่าเสียดายที่คนอย่างบอสพอลไม่อยู่ในเวทีที่ให้คนเป็นสื่ออาชีพทำหน้าที่ซักถาม เพราะนักธุรกิจรายนี้ไม่ธรรมดา รู้เวที รู้ทางหนีทีไล่ และรู้แกวคนจัดรายการทั้ง 2 เวทีว่าจะมาไม้ไหน กลุ่มเป้าหมายคือใคร เขาก็บรีฟตัวเองให้สื่อสารได้ถูกทั้งสองเวที

ตัวอย่างคงอยู่ที่ดาราที่ไปเอี่ยว นักธุรกิจรายนี้คงเห็นว่าการตกอยู่ในวงล้อมสื่ออาชีพจะโดนรุกไล่สติแตก ตอบคำถามแบบเสียผู้เสียคนและมัดคอตัวเองเสร็จสรรพ

วันนี้ที่ชัดมาก คือเขาตั้งเป้าหมายมาออกรายการสองที่ เสร็จที่แรก ก็หนีนักข่าวที่ไปรอรุมสัมภาษณ์ที่ตึกมาลีนนท์แล้วนักธุรกิจรายนี้ไม่ยอมปริปากใดๆ ให้การ์ดรีบกันขึ้นรถไปเลย ถ้าย้อนไปฟังของบางช่องจะได้ยินนักข่าวถามเรื่องเงิน แต่จังหวะชุลมุนผมก็ฟังไม่ถนัดว่าประโยคเต็มๆ คืออะไร แต่ถือว่านักข่าวหลักได้ถูก

ในรายการแรกจะเห็นว่า เขาจะตั้งหลักด้วยคำว่า "ไม่รู้มาก่อน" นั่นหมายถึง เขาต้องการสื่อสารว่า ไม่รู้ว่าธุรกิจของเขาสร้างผลกระทบอะไรกับใครบ้าง เพื่อตั้งกรอบว่า อาจจะเกิดจากบุคคลระดับล่างๆ  ที่ไปสื่อสารผิด ทำธุรกิจแบบผิดๆ ต่อมาก็ร้องไห้ แล้วบอกว่ายอมแล้ว ยอมมานานแล้ว แต่พอพิธีกรซักใหม่ก็ตอบฉะฉานในเชิงวิธีคิดว่า เขาคิดแบบนี้ พร้อมขีดเส้นแบ่งว่า ที่เขาคิดมันไม่ผิด แต่มันผิดตอนไหนไม่รู้ ตัวเองไม่รู้ว่าสู้กับอะไร ฯลฯ สิ่งดีอย่างเดียวในรายการแรก คือดึงข้อมูลเรื่องการจ้างดารา (นักธุรกิจนายนี้ก็แพลมแบบรู้วาระ เหมือนจะสื่อสารว่าอย่ามาแหยมนะ กูมีข้อมูลพวกมึง เขาเล่นเกมเป็น) ที่เหลือคือพิธีกรวอกแวกไปกับดรามาและการพยายามยกตนสูงกว่าเพื่อสั่งสอนศีลธรรม

พอรายการต่อมา เป็นออนไลน์ เขาก็ฟอกตัวเองเต็มที่ พิธีกรก็ชงให้ตอบสบาย แถมถูกถามกลับ ถามแทรก โดนปั่นหัวเป็นระยะ ทั้งที่มีทั้งผู้เสียหายและทนายนั่งอยู่ และเขามักจะพูดแต่คำว่า ธุรกิจ คำกลมๆ แต่ผู้ร่วมรายการที่เหลือจะไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจขายตรงหรือแชร์ลูกโซ่มาชนกับเขาเลย ทำให้เขาได้แก้ตัวว่า "ต่อจากนี้ไม่รับตัวแทนจำหน่ายใหม่แล้ว" เพราะตัวแทนนี่แหละคือปัญหาในสายตาเขา

จึงไม่มีใครเจาะลึกว่า เงินของเขานับพันนับหมื่นล้านมาจากไหน? มาจากสินค้า หรือล่อลวงให้ผู้เสียหายมาเปิดบิล? มีระดับชั้นแบ่งจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร? หรือแบ่งเปอร์เซ็นต์กับแม่ข่ายยังไง? โมเดลระบบธุรกิจที่เขากำหนดไว้แต่แรกเป็นอย่างไร? สรุปขายตรงหรือการตลาดแบบตรง? ทำไมไม่จดทะเบียนให้ถูกต้องกับ สคบ.? ที่บอกว่าไม่รู้ว่ามีผู้เสียหาย แต่ทำไมมีข้อมูลว่า อดีตรองเลขาฯ สคบ.เคยชงเรื่องเอาผิด? ทำไมดึงดารามาเป็นผู้บริหารเยอะขนาดนี้? สินค้าเขามีอะไรบ้าง แล้วลูกค้าคือใคร? บลาๆๆๆ หรือแม้แต่จ่ายค่าต๋ง ค่าเบี้ยบ้ายรายทาง เขาก็ทราบว่ามันผิด แต่ทำไมเขาต้องจ่าย มุ่งหวังอะไร

มีคำถามมากมายที่สื่ออาชีพเขาอยากถาม แต่นั่นแหละ เกมนี้ตกไปอยู่ในมือของนักธุรกิจรายนี้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันจะทำให้การขุดคุ้ยทำได้ยากขึ้น"

อ่านโพสต์ต้นฉบับ

ที่มา : MgrOnline